เรือดำน้ำ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เผยถึงกรณีการชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปอีก 1 ปี ว่า กองทัพและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แพ้กระแสสังคมและกลัวว่าจะอยู่ไม่ได้ จึงยอมชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน แต่การเลื่อนออกไป 1 ปี ไม่ใช่ทางออก
เพราะความจริงต้องยุติโครงการไปเลย ต้องไม่มีการซื้อเรือดำน้ำอีก เพราะขณะนี้ประเทศชาติมีหนี้สินมหาศาล และรัฐบาลก็ยังจะกู้เงินอีก ภาษีที่เก็บจากพี่น้องประชาชนไม่พอใช้จ่ายจึงต้องกู้มาใช้จ่าย จะเอาไปซื้อของที่ไม่จำเป็นได้อย่างไร
โดยประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำมาตั้งนานแล้ว เพิ่งมาซื้อลำแรกในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีอะไร อยู่ได้ จึงถือว่าไม่มีความจำเป็นที่จะซื้อต่อไป ตราบใดที่หนี้สินของประเทศยังไม่หมด ดังนั้นขอบอกไว้เลยว่า หากมีการนำเรื่องนี้เข้ามาสู่ที่ประชุมสภาอีก ก็จะพาพี่น้องประชาชนถล่มอีก
ส่วนกรณีการตั้งงบประมาณเพื่อต่อสู้คดีเหมืองทองอัครานั้น ทหารไม่มีความรู้ โดยเฉพาะความรู้ด้านกฎหมาย แต่ก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรี จึงยึดอำนาจเข้ามา แล้วก็ไม่รู้จึงมีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปิดเหมือง ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้เมื่อมีชาวบ้านมาร้องก็ควรให้อำนาจกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรี เคยลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะชนะคดีหรือแพ้คดี ไม่ใช่แพ้คดีแล้วมาปัดความรับผิดชอบให้เป็นเรื่องของรัฐบาล และประชาชน
“การนำภาษีของประชาชน 389 ล้านไปว่าจ้างทนาย โดยที่คุณประยุทธ์ทำอะไรไม่ถูกต้องชอบธรรม ทำอะไรเพราะไม่รู้กฎหมาย แล้วให้พี่น้องประชาชนมารับผิดชอบหรือ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทิ้งท้าย