ดร.นิว โพสต์เฟซบุ๊กแท็ก ศรีสุวรรณ จรรยา ตามหาความจริง ภาค…เงินบริจาคที่หายไป อย่าปล่อยความหวังประชาชนถูกโบยตีด้วยความปาหี่
จากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และคณะก้าวหน้า ได้จัดกิจกรรม MAYDAY วันกรรมกรสากล โดยมีคอนเสิร์ตออนไลน์นำเงินให้ประชาชนคนละ3,000 บาทที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ซึ่งได้กิจกรรมจัดในวันที่ 1 และ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า
ตามหาความจริง ภาค…เงินบริจาคที่หายไป
“จงอย่าปล่อยให้ความหวังของประชาชนถูกโบยตีด้วยความปาหี่ของคณะก้าวหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เรื่องบริจาคเงิน 7 ล้านบาทเงียบไปเกือบ 2 สัปดาห์แล้วโดยที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆเลย แต่คณะก้าวหน้าก็ไม่ได้มีความละอายหรือความรับผิดชอบใดๆ กลับเสนอหน้าออกมาปั่นกระแสยัดเยียดความขัดแย้งและความรุนแรงให้กับสังคมไทยต่ออีกแล้ว
ไม่นึกเลยว่าอำนาจแห่งการปั่นกระแสในโลกโซเชียลจะทำให้คณะก้าวหน้าสามารถปลุกระดมและหลอกลวงผู้คนที่รับข้อมูลด้านเดียวโดยไม่ลืมหูลืมตาแล้วก็ลืมง่ายได้อย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วหากมีวิจารณญาณอีกสักนิดก็จะสามารถเห็นธาตุแท้และความจอมปลอมของคนกลุ่มนี้ได้ตั้งแต่ต้น และจะสามารถทราบได้ว่ากระแสที่ถูกปั่นขึ้นนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากลมตดเสียงดังสนั่นที่มักตามมาด้วยกลิ่นเหม็นเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการยัดเยียดข่าวปลอมเพื่อสร้างความเกลียดชังและแตกแยกในสังคมเพื่อนำไปสู่ความรุนแรงอยู่บ่อยๆ หรือว่าการประโคมข่าวสร้างภาพให้ตัวเองดูดีราวกับว่าเป็นความหวังของสังคมในคราบของประชาธิปไตยจอมปลอม
ล่าสุดกิจกรรมเปิดรับบริจาคเงินมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหามันอยู่ที่การประโคมข่าวเกินจริงให้ประชาชนนับล้านคนเข้าใจผิดว่า “ผู้ที่เดือดร้อนรับได้เลยทันทีอย่างถ้วนหน้า 3,000 บาทไม่ต้องพิสูจน์ความจน” และ “ช่วยเหลือทุกท่าน” https://bit.ly/2yYd6t9
แล้วก็ดูเหมือนจะทำแบบเด็กอมมือเล่นขายของ ทำอะไรแบบค้างๆคาๆ ไม่ได้มีความชัดเจนใดๆ ไม่มีความเป็นระบบที่โปร่งใส ไม่ได้นำหลักประชาธิปไตยหรือความเท่าเทียมมาใช้ในการจัดสรรเงินดังกล่าว และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะไม่ได้มีเอกสารหรือหลักฐานของการบริจาคเงินและการโอนเงินที่เป็นทางการ
รวมถึงพวกเขายังได้รายชื่อและเลขที่บัญชีธนาคารของคนจำนวนมหาศาล มิหนำซ้ำผู้คนเหล่านั้นที่ถูกโบยตีด้วยความปาหี่ของคณะก้าวหน้าก็ยังเผลอโพสต์ข้อมูลส่วนตัวดังกล่าวด้วยความหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือลงในเพจของคณะก้าวหน้าอีกด้วย
แต่สุดท้ายเงินบริจาคแค่ 7 ล้านบาท ก็ยังไม่มีปัญญาบริหารจัดการและแจกแจงได้อย่างเป็นระบบ ชัดเจน โปร่งใส มีความเท่าเทียมและเป็นธรรมได้เลย #ในขณะที่เด็กหนุ่มวัย41ขวบก็ยังฝันหวานอยากจะเป็นนายกจนใจแทบจะขาด
ผมจึงขอเรียนฝากพี่ ศรีสุวรรณ จรรยา
ช่วยตรวจสอบกิจกรรม #MAYDAYMAYDAYเราช่วยกัน ของคณะก้าวหน้าว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว และกิจกรรมดังกล่าวมีความผิดทางกฎหมายอาญาในฐานฉ้อโกงประชาชนอันไม่สามารถยอมความได้หรือไม่…
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 ในมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
- กฎหมายอาญา มาตรา 343 “ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
(มาตรา 341 “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”)
