ชี้แจงแล้ว! หมอทวีศิลป์ เผยเหตุผลไม่ ล็อกดาวน์ เพราะไม่อยากนำภาษีของทั้งประเทศมาจ่ายเยียวยา

ล็อกดาวน์ — เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวในการแถลงข่าว ศบค. โดยได้มีการชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์

ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ได้ชี้แจงในเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อไรก็ตามที่ทาง ศบค. ต้องประกาศว่าเป็นการล็อกดาวน์ นั่นแปลว่าคำสั่งนี้จะทำให้กระทบต่อปัญหาทางเศรษฐกิจ กระทบต่อการหารายได้ของทุกท่าน ก็ต้องมีการเยียวยา ซึ่งนี่เป็นภาระของภาษีเงินของทั้งประเทศ ซึ่งในเวลานี้ ทั่วโลกต่างเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ประเทศไทยก็เช่นกัน ฉะนั้นการที่จะใช้มาตรการต่างๆ เหล่านี้มีค่าใช้จ่ายต้องเสีย ต้องเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนลำบากกันไปทั้งหมด

ลุ้นพรุ่งนี้! ประยุทธ์ ประกาศล็อกดาวน์หรือไม่! หลังประกาศพื้นที่สีแดงไปแล้ว 28 จังหวัด

หมอทวีศิลป์ ไขคำตอบไปต่างจังหวัด กลับมาต้องกักตัวหรือไม่

ถ้าในเวลานี้ เราสามารถกระจายความรับผิดชอบร่วมมือกันไปได้ ทุกคนก็ล้วนอยากจะทำมาหากิน แล้วก็อยู่ในชีวิตวิถีที่เป็นประจำวันที่เคยทำกันมา แต่ต้องอยู่ในรูปแบบของชีวิตวิถีใหม่ ที่ ต้องปฏิบัติ

ขณะเดียวกันนพ.ทวีศิลป์ยังได้กล่าวว่า ระบบการควบคุมโรคในแต่ละจังหวัดนั้นแตกต่างกัน ซึ่งต้องอาศัยการทำงานของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน พร้อมกับได้ยกตัวอย่างของจ.นครปฐม เมื่อพบระบาดขึ้นมาเขามีการสอบสวนโรค ในวงแรกจะเห็นคนติดกันไปหลักหลายสิบคน แล้วเขาก็ใช้วิธีการรีบสอบสวนโรค ก็จะเจอวงที่สัมผัสวงที่ 2 แล้ววงที่ 2 นำไปสู่การสอบสวนโรคไปเจอวงที่ 3 ภายในเวลาไม่เท่าไหร่สามารถที่จะลดการติดต่อโรคไปในหลายๆ ชั้นหลายๆ ขั้นได้ นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้

หมอทวีศิลป์ เผยสาเหตุ เสียชีวิต 1 ราย โควิด19 ในไทยวันนี้ป่วยใหม่ 216 ราย

เพราะฉะนั้นแต่จังหวัดก็ต้อง Tailor Made ก็คือไม่เหมือนกัน กรุงเทพฯ ก็แบบหนึ่ง ถ้าติดกันไปแบบนี้ ในร้านอาหาร ในผับ บาร์ คาราโอเกะ จะเป็นภาพส่วนใหญ่ แต่ของตากกลายเป็นเรื่องของขอบแนวชายแดน ของแรงงานต่างด้าวที่เข้ามา ส่วนทางตะวันออกก็กลายเป็นผู้ที่ไปในสถานที่ลักลอบเล่นการพนัน ภาพของแต่ละจังหวัดแตกต่างกันทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นการที่จะไปใช้ยาแรงอย่างเดียวแล้วก็จัดการกันทั้งประเทศ ตอนนี้หลักการข้อนี้ก็ลดทอนความสำคัญลงไป

ในส่วนของการล็อคดาวน์จากครั้งที่แล้ว คนที่เจ็บปวดที่สุดคือประชาชนคนปกติ ที่ต้องถูกจำกัดบริเวณ จำกัดเวลา จำกัดพื้นที่ แต่คนที่ทำผิดกฎหมายก็ยังทำอยู่อย่างนั้นซึ่งยังคงพบการละเมิดกฎหมาย ยังไปเล่นพนัน ไปอยู่ในสถานที่มั่วสุม ยังดื่มสุรา ยังตุนโน่นนี่นั่นอยู่เหมือนเดิม ฉะนั้นเราจะไม่ให้คนที่ปกติธรรมดาสามัญ สุจริตชนทั้งหลายต้องเดือดร้อนกัน ท่านจะทำมาหากินก็ทำ อยู่ในวิสัยที่เป็นวิถีใหม่ นี่คือสิ่งที่อยากจะเห็นในการวางมาตรการในครั้งนี้”