วันที่ (7 ก.พ.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการ เลือกตั้งซ่อมเขต 2 จ.กำแพงเพชร ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ ว่า บรรยากาศการรณรงค์หาเสียงของ นายกัมพล ปัญกุล อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขต 2 กำแพงเพชร ในนามพรรคเพื่อไทย ได้รับเสียงตอบรับในระดับที่ดี แต่การเลือกตั้งซ่อมที่ต้องสู้กับพรรคแกนหลักรัฐบาล ที่กุมอำนาจรัฐไว้ในมือ ไม่มีครั้งใดง่าย สิ่งที่ทีมหาเสียงพรรคเพื่อไทย สื่อสารกับพี่น้องประชาชน ชาวเขต 2 กำแพงเพชร คือ แม้การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะไม่ส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่สามารถส่งสัญญาณดัง ๆถึงรัฐบาลอย่างเป็นทางการว่า พี่น้องประชาชนรู้สึกอย่างไร พึงพอใจกับผลงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในระดับใด นโยบายที่ได้หาเสียงไว้ เมื่อครั้งเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม 2562 ได้ทำตามที่หาเสียงและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหรือไม่
ทั้งนี้ สัญญาว่าจะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ก็แก้เกี้ยว ว่า เป็นแค่ยกตัวอย่างตอนหาเสียง จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เท่ากันทั่วประเทศ พอมาเป็นรัฐบาลปรับจริงแค่ 5-6 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ที่จะให้เงิน ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ ได้ให้ใครไปแล้วหรือยัง เบี้ยผู้สูงอายุที่จะปรับเพิ่ม ปรับได้หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ สารภาพชัดว่า รัฐบาลมีปัญหามาก โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบทุกโครงการ ทุกนโยบายที่หาเสียงไว้ ไม่รู้วิธีการว่าจะทำอย่างไรให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่แถลงไว้ได้
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่นโยบายหาเสียง นโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ไม่สามารถทำได้ แล้วไม่เกิดผลอะไร สารพัดปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาล ถูกรุมสหบาทา จนกลายเป็นตำบลกระสุนตก สารพัดไวรัสรุมเร้า ไหนจะปัญหาส่งออกพัง ท่องเที่ยวทรุด สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ประกาศให้ราคาอ้อย 1,000 บาทขึ้นไปต่อตัน ตอนนี้ราคาตกต่ำ ห่างไกลจากที่ประกาศไว้มาก ปัญหาภัยแล้งที่หนักสุด รุนแรงสุดในรอบ 60 ปี ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปัญหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ปัญหา ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน ปัญหารัฐบาลขาดเสถียรภาพ กลายเป็นรัฐบาลอมโรค ทำอะไรไม่ค่อยได้
“โพลแทบทุกสำนัก สะท้อนรัฐบาลขาลงเต็มสูบ แต่ดูเหมือนรัฐบาลไม่สนใจ ดังนั้น เสียงของพี่น้องประชาชน เขต 2 กำแพงเพชร จะทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศว่า ประชาชนเดือดร้อนทั่วทุกหย่อมหญ้า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเคารพและฟังเสียงประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างจริงจัง” นายอนุสรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมวางแผนตั้งองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ กันอย่างเอิกเกริกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ความกลัวทำให้เสื่อม เพียงเพื่อจะปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ให้รอดพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วุ่นวายกันทั้งพรรค สะท้อนเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลวิกฤตหนัก พรรคที่ไม่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เตรียมวางเฉย ลอยแพไม่ช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนจะทำการเมืองน้ำเน่า ขู่อภิปรายกลับฝ่ายค้าน สารพัดกลุ่มองครักษ์ที่ตั้งขึ้นมา คงต้องอภิปรายกันเองก่อนว่า ใครอยู่มุ้งไหน กลุ่มไหน เอาบิลรายชื่อไปเบิกที่ใคร วางบิลเบิกอย่างไรไม่ให้ซ้ำซ้อน
และ นี่คือภาพสะท้อนว่าการปฏิรูปการเมือง ไม่มีอยู่จริง มือใครยาวสาวได้สาวเอา กวาดต้อนคนเข้าคอก เอารายชื่อไปเบิก ดีกินทางการเมือง หวังเอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง จะทำอะไรหัดเกรงใจประชาชนบ้าง ฝ่ายค้านถาม รัฐบาลก็ตอบ พล.อ.ประยุทธ์ กลัวอะไรกับการตรวจสอบของตัวแทนประชาชน ยิ่งออกอาการ ยิ่งมีพิรุธ ประชาชนดูอยู่ ตัดสินใจได้ว่า ควรจะออกมาไล่ หรือให้อยู่ต่อ อย่าไปทำอะไรที่บิดเบือนเจตนารมณ์ประชาชน
“ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ใช่ให้รัฐบาลมาขู่อภิปรายกลับฝ่ายค้าน คนพวกนี้คิดว่าจะทำตัวน่าเกลียดอย่างไรก็ได้ เคารพประชาชนให้มาก ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา อย่าทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมือง ในวังวนน้ำเน่ามากไปกว่านี้เลย” นายอนุสรณ์ กล่าว