จากกรณีกระแสข่าว รัฐบาลถังแตก เนื่องจากการแถลงข่าวของ นาง แพตริเซีย มงคลวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ที่ระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมล่าสุด เห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินปีงบ 2563 อีก 2.14 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้กรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ โดยมีการคาดว่ารายได้จะเก็บได้ต่ำกว่า 9% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือ กว่า 3 แสนล้านบาท และเงินคงคลังอาจจะมีไม่เพียงพอในการใช้จ่ายของประเทศ เนื่องจากเงินคลังเหลือน้อย จึงให้เปิดวงเงินกู้ดังกล่าว และ สบน. จะประเดิมกู้ส่วนแรก 5 หมื่นล้านบาท โดยการออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไปในเดือนนี้
ครม. ไฟเขียว คลัง กู้เงินจัดเต็ม 6.83 แสนล้าน สุดเพดาน เพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ วงเงินกู้ 2.14 แสนล้านบาท เป็นคนละส่วนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2563 จำนวน 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งมีการกู้ไปจนเต็มหมดแล้วนั้น
ล่าสุด นาง แพตริเซีย มงคลวานิช เปิดเผยกับ ทีมข่าว Bright Today ว่า รัฐบาลไม่ได้ถังแตกตามที่สื่อหลายสื่อนำเสนอ ซึ่งการกู้เงินดังกล่าวเป็นการบริหารเงินสด เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี รัฐบาลมีรายจ่ายมากกว่าปกติในปีนี้ โดยเป็นผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีกระแสเงินสดสำรอง เผื่อในกรณีฉุกเฉิน แต่ขอยืนยันว่า รัฐบาลยังมีเงินในการใช้จ่ายเพื่อบริหารประเทศอย่างเพียงพออยู่
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายกรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ในปี 2563 ไม่ได้เป็นครั้งแรกของประเทศที่ทำ และเคยกู้เงินลักษณะนี้ในปีที่ไทยจะวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาแล้ว เพราะตอนนั้นรายจ่ายมากกว่ารายได้ที่เก็บได้เช่นกัน