กรณีฟื้นฟู เศรษฐกิจไทย นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบตามที่กระทรวงเสนอให้มีการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 2 โดยมีการปรับแผนที่สำคัญในรายการต่างๆ คือ การปรับเพิ่มวงเงินกู้ของรัฐบาลในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ (Revenue Shortfall) ในปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 214,093.92 ล้านบาท
ธนาคารแห่งประเทศไทย เผย เศรษฐกิจไทยเสี่ยงติดลบมากสุดในภูมิภาค
ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบตามความเห็นของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)ในการนําหนี้ของบริษัท การบินไทย จํา กัด (มหาชน) ออกจากแผนการบริหารหนี้ฯ เนื่องจากการ บริษัท บินไทย พ้นสถานภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่งผลให้หนี้เงินก็ของบริษัท การบินไทยไม่นับเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมายอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องปรับกรอบ และวงเงินของการบริหารหนี้สาธารณะให้สอดคล้องกับความต้องการของรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) โดยการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวส่งผลให้ต้องปรับแผนเดิมดังนี้
1 การก่อแผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่มสุทธิ 158,521.85 ล้านบาท จากเดิม 1,497,498.55 ล้านบาท เป็น 1,656,020.40 ล้านบาท
2 แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับลด 67,267.64 ล้านบาท จากเดิม 1,035,777.74 ล้านบาท เป็น 968,510.10 ล้านบาท และ3.แผนการชําระหนี้ ปรับลด 22,329.31 ล้านบาท จากเดิม 389,373.21 ล้านบาท เป็น 367,043.90 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ (Revenue Shortfall) ในปีงบประมาณ 2563 จำนวน 214,093.92 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลการจัดเก็บราย ได้ของรัฐบาลต่ำกว่าประมาณการในปีงบประมาณ2563 จึงการกู้เงินกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ดังกล่าวเป็นการดำเนิน การภายใต้กรอบวงเงินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และสอดคล้องกับ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่กำหนดให้รัฐบาลต้องรักษาระดับเงินคงคลังไว้ในระดับที่จําเป็นเพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอสําหรับการเบิกจ่ายเพื่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งการกู้เงินเพิ่มเติมดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลมีระดับเงินคงคลังเพียงพอรองรับการเบิกจ่ายของหน่วยงาน
อนึ่ง การปรับปรุงแผนฯ ข้างต้นส่งผลให้ประมาณการยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2563 มีจำนวน 8.21 ล้านล้านบาท โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ระดับ 51.64% ส่วนในปี 2564 หนี้สาธารณะจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 57% ต่อจีดีพี ซึ่งไม่เกิน60% ตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
ขณะที่สัดส่วนทางการเงินที่สำคัญอื่นๆ ของประเทศหลังจากมีการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะในครั้งนี้ได้แก่ สัด ส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้อยู่ที่ 23.02% จากกรอบที่กำหนดไว้ไม่เกิน 35% สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศอยู่ที่ 4.25%จากเพดานที่กำหนดไว้ 10% และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศจะอยู่ที่ 0.16% จากเพดานที่กำหนดไว้ 5%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับปรุงหนี้สาธารณะครั้งล่าสุดซึ่งมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 214,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินในการกู้ชดเชยการกู้ปรับโครงสร้างหนี้และที่กระทรวงการคลังค้ำประ กันอยู่ที่ 683,000 ล้านบาทเศษ ซึ่งเต็มเพดานการกู้ในปีงบประมาณนี้แล้วและไม่มีช่องว่างในการก่อหนี้ในส่วนนี้เพิ่มเติม
กรณ์ จาติกวณิช เสนอ 4 มาตรการสกัดพิษ ก่อนเศรษฐกิจโคม่า
เศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 2/2563 GDP ลดลงต่อเนื่อง เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว