วันที่ 12 มิถุนายน 2563 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก และจะมีการทดลองการยกเลิกเคอร์ฟิว ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความอันตรายมาก หากยังมีการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ต่อไป เพราะการยกเลิกเคอร์ฟิวไม่เท่ากับการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ การที่เจ้าหน้าที่ได้รับการยกเว้นความรับผิด หมายความว่าการใช้อำนาจ ข้อกำหนดต่างๆ ที่อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจค่อนข้างมากต่อไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนเพราะเราจะไม่มีทางรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจนี้ไปในทิศทางใด อาจจะเป็นความเหิมเกริม อาจจะนำไปสู่การรังแกประชาชน และท้ายที่สุด จะทำให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนไม่สามารถทำได้ เชื่อว่าการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเป็นตัวขัดขวางกระบวนการ ทำให้ประชาชนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือมีเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้นั้น นอกจากจะไม่ใช่เป็นการคงเอาไว้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เพราะขณะนี้ตัวเลขต่างๆ ได้ยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาก จนไม่รู้ว่าต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ต่อไปทำไม หรือแท้ที่จริงแล้วการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการใช้เครื่องมือทางกฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารมากมายขนาดนี้ เพื่อปกป้องรัฐบาลเอง เพื่อปกป้องจากการที่ประชาชนที่เขามีความเห็นตรงกันข้ามกับรัฐบาลแล้วอาจจะประท้วง หรือแสดงความคิดเห็น โดยรัฐบาลจะใช้เครื่องมือทางกฎหมายนี้ เพื่อรังแกผู้ชุมนุมหรือประชาชน
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ผมคิดว่าหากพูดกันเฉพาะเรื่องของการแก้ไขปัญหาโควิด-19 แค่กฎหมายปกติก็เพียงพอแล้ว จะอ้างว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้เพื่อไปปิดน่านฟ้าก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเรามี พ.ร.บ.ปิดน่านฟ้า ให้อำนาจไว้อยู่แล้ว ดังนั้น การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ผมคิดว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน