ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดคู่ความในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย และคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพวกเป็นจำเลย เข้าฟังคำพิพากษาพร้อมกันในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 25 สิงหาคม 2560
สำหรับคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมือง ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกบททดสอบอย่างหนึ่ง ของตระกูลชินวัตร และเป็นบททดสอบของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มแนวร่วมที่มาจากรากหญ้า เพราะแนวนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ก่อตั้งพรรค เป็นแนวนโยบายที่เข้าใจ เข้าถึงประชาชนอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งพรุ่งนี้หากองค์คณะผู้พิพากษา ทั้ง9 คน ลงมติพิพากษา น.ส. ยิ่งลักษณ์ ผิด นั้นเท่ากับว่าเป็นการวัดใจนายใหญ่ อย่างนายทักษิณ และต้องจับตาดูว่าในอนาคตคนในตระกูล ชินวัตร จะกลับเข้ามาในสนามการเมืองอีกหรือไม่ หรือจะเป็นการถอดใจสิ้นแล้วในสนามแห่งนี้
ขณะที่แนวทางคำพิพากษา สามารถสรุปได้เป็น 5 แนวทาง คือ
แนวทางที่ 1 “มีความผิดทุกกรณีและต้องได้รับโทษทางอาญา” คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
แนวทางที่ 2 “มีความผิดทุกกรณี ต้องได้รับโทษ แต่ให้รอลงอาญา” เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เคยทำคุณงามความดี ผู้ที่ก่อประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองมาก่อน
แนวทางที่ 3 “มีความผิด ต้องรับโทษทางอาญา แต่ไม่ต้องชดใช้ความเสียหาย”
แนวทางที่ 4 “ไม่มีความผิดและไม่ต้องรับโทษทางอาญา แต่ต้องชดใช้ความเสียหาย” คือ พฤติการณ์ไม่เข้าข่ายกระทำความผิด ไม่มีเจตนาปล่อยปละละเลยและไม่ต้องรับโทษตามคำฟ้อง หากแต่ยังคงต้องชดใช้ความเสียหายแก่รัฐตามคดีทางปกครอง
แนวทางที่ 5 “ไม่มีความผิดและไม่ต้องรับโทษทางอาญา ส่วนจะต้องชดใช้ความเสียหายแก่รัฐหรือไม่ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลชุดปัจจุบัน