รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวระดมกวาดล้างกลุ่มคนผิวสีผู้มีอิทธิพลที่เป็นเหตุของการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ โดยปิดล้อมตรวจค้นทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 52 ราย
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวนำทีมปฏิบัติการระดมกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิเครือข่ายปลอมธนบัตร เครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน เครือข่ายผลิต และปลอมบัตรเครดิต เครือขายที่นำเพชรปลอมมาขาย และอาชญากรรมในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเน้นไปที่กลุ่มคนผิวสี เพราะเป็นกลุ่มที่ควรเฝ้าระวัง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นมากกว่า 10 จุด ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 52 ราย แยกออกเป็นต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 ราย / โอเวอร์สเตย์ 11 ราย / เป็นเจ้าของเคหะสถาน รับคนต่างด้าวเข้าพักโดยไม่แจ้งเจ้าพนักงาน 1 ราย / รับซื้อ จำหน่าย หรือรับจำนำสิ่งของที่รู้ว่าต้องห้ามนำเข้าสหราชอาณาจักร (บารากุไฟฟ้า 1อัน) 1 ราย / ฉ้อโกง 1 ราย / ยาเสพติด 9 ราย และค้าบริการทางเพศ 27 ราย
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ดำเนินการปราบปรามกลุ่มคนผิวสีที่อาจจะเข้ามาก่ออาชญากรรม เนื่องจากกลุ่มคนผิวสีบางกลุ่มถือว่าเป็นปีญหาทางด้านความมั่นคง ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ประเทศในด้านการท่องเที่ยว หลักจากนี้ก็จะผลักดันผู้ต้องหาทั้งหมดกลับประเทศ ซึ่งในการลงพื้นที่กวาดล้างในครั้งนี้ก็จะทำการตรวจเก็บดีเอ็นเอเป็นฐานข้อมูลให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันคนพวกนี้เดินทางเข้าประเทศอีก
นอกจากนี้ 1 ในผู้ต้องหาทั้ง52 คน มีหนึ่งคนที่เคยโดนจับในข้อค้ามีโคเคนไว้ในครอบครอง ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี แต่กลับพบว่ายังสามารถอยู่ในประเทศ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจนสามารถอยู่เมืองไทยต่อได้นั้นพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากเรื่องนี้นั้นอาจจะต้องประสานไปทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองว่าเพราะเหตุใดถึงส่งตัวกลับไม่ได้