ปิดป่าล่า! 3นักโทษชายในคดียาเสพติดแหกคุกหลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่ศาลจังหวัดหลังสวน ด้วยการชิงรถยนต์ของกรมราชทัณฑ์ ก่อนจะขับมายังสวนผลไม้ในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ล่าสุด เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการไล่ล่า แบ่งกำลังเป็น 2 ทีม หลังแกะรอยพบว่านักโทษใช้แผนแยกกันเผ่นหนี
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่านักโทษต้องแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกปิดล้อมในพื้นที่ป่าสวนผลไม้ในพื้นที่ห้วยคล้า-บ้านท่าทอง อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และอีกส่วนหนึ่งปิดล้อมพื้นที่ใกล้บ้านภรรยาของนายธนาธิป เพิ่มลาภ หนึ่งในนักโทษชายที่กำลังหลบหนี เนื่องจากเมื่อวานนี้มีชาวบ้านแจ้งว่า พบเห็นนายธนาธิป กำลังแอบอยู่ริมน้ำหลังสวน คาดว่ากำลังจะเข้าไปยังบ้านภรรยา แต่ปรากฏว่าพอเจ้าหน้าที่มาถึง นายธนาธิป ก็หายไปจากจุดที่พบแล้ว ขณะเดียวกันก็ไม่พบร่องรอยการเดินเท้าของนักโทษรายนี้อีกเลย จึงเชื่อว่านักโทษรายนี้น่าจะใช้วิธีว่ายน้ำ หรือสุ่มแอบเจ้าหน้าที่อยู่ในป่ากกอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีอาหาร
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดปิดล้อมจับกุมนักโทษ ได้ตีวงโอบล้อมบุกเข้าค้นหานักโทษอีก 2 ราย ตามสวนผลไม้ แต่ปรากฏว่ายังไม่พบตัว นายพิเชษฐ์ กลิ่นโอชา และนายกฤษฎา แก้วนุ้ย นักโทษชายที่ยังหลบหนี
เบื้องต้นพบเพียงรอยเท้าผู้ต้องหาปืนขึ้นไปบนหลังคาสูงกว่าพื้นประมาณเมตรครึ่ง แล้วพังกระเบื้องหลังคาลงไปในบ้าน ก่อนใช้ค้อน และเลื่อยตัดโซ่ตรวน ที่บ้านปูนชั้นเดียวห่างจากที่ผู้ต้องหาจอดรถทิ้งไว้ประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นบ้านที่เจ้าของสวนปาล์มสร้างไว้ ซึ่งทางเจ้าของสวนนานๆ จะเข้ามาพักอาศัยเท่านั้น นอกจากนี้ ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า นักโทษชายทั้ง2 ได้ขโมยกินกล้วยที่อยู่ในสวนไปจำนวนหนึ่งด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเพื่อบุกจู่โจมในครั้งต่อไป คาดว่าในวันนี้หากมีการสนธิกำลังบุกเข้าทุกทิศทางก็อาจได้รับข่าวดีก็เป็นได้
ด้าน พลตำรวจตรี สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ยังอยู่ในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เดินปูพรมเข้าค้นหาอีกครั้ง
โดยจะมีชุดปฏิบัติม้าขาว นำเฮลิคอปเตอร์ จากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค8 ขึ้นบินตรวจค้นทางอากาศ เพื่อจะชี้จุด หากพบสิ่งที่ผิดปกติในพื้นที่ป่าบนเขา แต่ขณะนี้ยังไม่พบจุดผิดสังเกตที่คาดว่าผู้ต้องหาซ่อนตัวอยู่ และได้ใช้สุนัขดมกลิ่นค้นหา จากตำรวจตระเวนชายแดน เข้ามาช่วยค้นหาอีกทาง หลังจากเจ้าหน้าที่พบเสื้อผ้าที่นักโทษเปลี่ยนทิ้งไว้
สำหรับ นายกฤษฎา ซึ่งเป็นคนในพื้นที่อำเภอสวี และใกล้เคียงกับจุดที่หลบหนี เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังไปยังบ้านของผู้ต้องหา และบ้านญาติแล้ว เพื่อดูความเคลื่อนไหว ซึ่งผู้ต้องหาอาจจะหลบหนีมา
นอกจากนี้พบว่าโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ของเจ้าหน้าที่เรือนจำ ที่วางไว้ในรถได้หายไป คาดว่าผู้ต้องหานำโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่เรือนจำไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทดลองโทรไปปรากฏว่าปิดเครื่อง หากเปิดเมื่อใดก็จะรู้พิกัดทันที และเชื่อว่าหากผู้ต้องหาเปิดโทรศัพท์ เบอร์แรกที่น่าจะโทรติดต่อคงจะแฟนของผู้ต้องหาเอง ซึ่งทางตำรวจได้ประกบตัวไว้แล้ว
ขณะที่ พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมแล้วนับ 100 นาย ติดตามตัว 3 นักโทษที่เชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่สวนผลไม้ของชาวบ้าน เนื่องจากผู้ต้องหายังมีเครื่องพันธนาการ หรือถูกตีตรวนไว้อยู่ การหลบหนีจึงค่อนข้างยากลำบาก รวมทั้ง เชื่อว่าไม่สามารถหลบหนีข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้แน่นอน เพราะภูมิประเทศเป็นป่าเขาสูงชัน ล้อมรอบด้วยทะเล โดยยืนยันว่า จะติดตามตัวมาให้ได้ภายใน 48 ชั่วโมง พร้อมดำเนินการตามมาตรการลงโทษผู้ต้องขังให้ไปอยู่ในชั้นต้องปรับปรุง และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนประเด็นของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมนั้น จะต้องสอบปากคำว่ามีความประมาทเลินเล่อหรือไม่ หากพบความผิดก็จะพิจารณาลงโทษตามระเบียบวินัย แต่ยอมรับเจ้าหน้าที่ของเรือนจำขาดแคลน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว ที่นำผู้ต้องขังไปส่งศาลเท่านั้น ทั้งนี้ ได้กำชับเรือนจำทั่วประเทศ ทั้ง 143 แห่ง ที่มีนักโทษรวมทั้งหมดประมาณ 3 แสน 6 หมื่นราย ให้เข้มงวดการดูแลผู้ต้องขังตลอด อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2561 พบว่ามีผู้ต้องขังหลบหนีจากเรือนจำทั้งหมด 22 ราย ส่วนใหญ่จะหลบหนีระหว่างส่งตัวไปศาล และส่งตัวไปโรงพยาบาล ซึ่งสามารถจับกุมตัวกลับมาได้ 21 ราย และอีก 1 รายคาดว่าหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว