กรณีเหตุร้องเรียนผ่านเพจเฟสบุ๊ค “แหม่มโพธิ์ดำ” ที่อ้างถึงพฤติกรรมการทวงหนี้โหด ระบุว่า มีการทำร้ายคนแก่ จากฝีมือของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ที่บานพัก เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนลูกต้องนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล 1 คืน ก่อนที่จะเข้าไปแจ้งความ ที่สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี แต่ก็ยังไม่มั่นใจจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษได้ และเกรงว่าอาจจะถูกกลุ่มเจ้าหนี้มาทำร้ายซ้ำ โดยวันนี้ คุณยาย พร้อมลูกสาวได้เดินทางเข้าพบและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกพยานที่เป็นเพื่อนบ้าน และไปสอบปากคำนายจ้างให้การตรงกันว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาเงินกู้นอกระบบ แต่ปกติยายเป็นคนชอบดื่มและเมาตลอดเวลา ก่อนที่คุณยายบุญชูจะยอมสารภาพในที่สุด ว่า กุเรื่องขึ้นมาเพื่อต้องการให้ลูกพาไปอยู่ด้วย
ภาพคุณยายบุญชู จำปาพันธ์ อายุ 62 ปี ที่ตาเขียวปูด บวมช้ำ และเป็นห้อเลือดรอบเบ้าตาทั้งซ้ายและขวา มีเลือดซึมออกมา ขณะที่ข้อศอกด้านซ้ายมีแผลถลอก ซึ่งเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่ได้ถูกชายฉกรรจ์ที่ไหนรุมทำร้าย แต่คุณยายทำตัวเอง เหตุจากฤทธิ์ของแอลกฮอก์ แม้จะยืนกรานมาตลอดในการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ตอลดครึ่งวัน แต่สุดท้ายก็ยอมรับสารภาพว่า เพื่อต้องการให้ลูกสาวพารับไปอยู่ด้วยเท่านั้น
ซึ่งสอดรับกับพยานซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ที่ระบุว่า วันที่เกิดเหตุเห็นยายบุญชูล้มอยู่ พยายามจะเข้าไปให้การช่วยเหลือ ยายกลับไล่ไม่ให้มายุ่ง
ขณะที่อีกประจักษ์พยาน คือ น.ส.กฤตยา เวชพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเสม็ด ซึ่งเป็นนายจ้างของยายบุญชู ให้ทำความสะอาดบ้านพัก ซึ่งให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ย้ำว่า โดยศักยภาพแล้ว ยายไม่สามารถกู้เงินนอกระบบได้ วันที่เหตุพยายามซักถามก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้จะกระจ่างชัดว่า เป็นการกุเรื่องของคุณยายบุญชู แต่กลับมีมุมมองที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ในสังคมไทย จากความแก่งแย่งแข่งขันจนทำให้ลูกหลานหลงลืมพ่อแม่ การเรียกร้องเพื่อให้หันกลับมาดูแล จึงเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สังคมผู้สูงอายุ และหลายๆครอบครัวกำลังเผชิญอยู่ ถึงเวเลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง