พบกับเรื่องราวสุดชื่นมื่นเมื่อสาวหล่อเข้าพิธีวิวาห์กับสาวสวยที่ จ.อ่างทอง โดยฝ่ายเจ้าบ่าวสาวหล่อใช้รถเครื่องเสียงแห่ขันหมากสุดอลังการ เจ้าบ่าวทนไม่ไหวขอแด๊นซ์ไม่เกรงใจใครด้วย!!
13 พ.ค.60 ที่บ้านเลขที่ 128/2 หมู่ที่ 4 ต.สามโก้ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง ผูัสื่อข่าวพาไปชมบรรยากาศพิธีมงคลสมรสระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง โดยเมื่อเดินทางไปถึงพบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวได้มีการจัดงานมงคลสมรสขึ้นจริง ระหว่าง น.ส.โสภิตา บรรจงศิลป์ (เจ้าสาว) อายุ 20 ปี และ น.ส.พรพิมล รอดกสิกรรม (เจ้าบ่าว) อายุ 22 ปี โดยบรรยากาศภายในงานเมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงอยู่ในช่วงที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวกำลังทำบุญถวายภัตตาหารเช้าแต่พระสงฆ์ ก่อนที่จะมีการจัดงานแต่งงานเหมือนงานแต่งของหนุ่มสาวทั่วไป ซึงมีสินสอดทองหมั้นเป็นเงินสด 200,000 บาท และทองคำหนัก 2 บาท
หลังจากเสร็จพิธีทางสงฆ์แล้วได้มีการตั้งขันหมากโดยเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีญาติทาง น.ส.พรพิมล ได้มาร่วมการตั้งและถือขันหมาก ต้นกล้วย ต้นอ้อย แห่เป็นขบวนเดินไปยังบ้านเจ้าสาว ซึ่งในการแห่ขันหมากนั้นได้ใช้รถติดเครื่องเสียงเปิดเสียงเปิดเพลงจังหวะมัน ๆ แห่ขบวนไป โดยมีเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเต้นในขบวนอย่างสนุกสุดเหวี่ยง แต่ที่สร้างเสียงฮือฮาอยู่ที่เจ้าบ่าวระหว่างเดินอยู่ในขบวนขันหมาก เกิดอดใจไม่ไหวกับจังหวะเพลงที่เปิดอยู่ ถึงกับปีนขึ้นมายืนเต้นอยู่บนรถเครื่องเสียง!! โดยมีเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวเต้นตามกันอย่างครึ้นเครงจนถึงบ้านเจ้าสาว
และเมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาว ก็มีทางญาติพี่น้องของเจ้าสาวยืนรอรับอยู่จำนวนมาก ต่างคนต่างถือโทรศัพท์ถ่ายรูปถ่ายคลิปเก็บไว้ โดยเมื่ขันหมากมาถึงเพื่อนเจ้าสาวได้มีการกั้นประตูเงินประตูทอง โดยในประตูแรกทางเพื่อนเจ้าสาวได้ให้ น.ส.พรพิมล เจ้าบ่าวร้องเพลงให้ฟัง ส่วนประตูต่อมาให้นางสาวพรพิมล วิดพื้นโชว์ความแข็งแรงก่อนที่จะให้เข้าไปทำพิธีสู่ขอและรับไหว้ตามปกติ
จากการสอบถาม น.ส.พรพิมล (เจ้าบ่าว) กล่าวาว่า ตนเองและเจ้าสาวรักใคร่ชอบพอกันมาประมาณ 2 ปี เริ่มแรกตนเองไปทำงานที่ จ.จันทบุรี แล้วเจอกันทางโซเชียลมีเดียแล้วพูดคุยจนถูกใจและไปมาหาสู่กัน ตนเองรักเจ้าสาวเพราะเป็นคนขยัน น่ารัก และเรียบร้อย หลังจากคบกันจนมั่นใจว่าเป็นความรัก ตนจึงได้ตัดสินใจขอ น.ส.โสภิตา แต่งงาน โดยตอนแรกก็หวั่นใจว่าอาจโดนปฏิเสธและไม่เห็นด้วย แต่ก็เนื่องจากความรักที่ตนมีให้กันและกัน จึงได้ตัดสินใจกันพากันมาหาญาติ ทางด้านเจ้าสาวเมื่อตนมาอธิบายพูดคุยกับทางบ้านแล้วเห็นว่าทั้งสองฝ่ายรักกันจริงและช่วยกันทำมาหากินก็อนุญาตให้แต่งงานกันได้
เมื่อถามว่าตนเองกลัวคนอื่นจะมองในทางที่ไม่ดีหรือไม่นั้น ก็ไม่คิดอะไรเพราะเราสองคนรักกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทำมาหากินเลี้ยงชีพด้วยตัวของตัวเอง ไม่ได้พึ่งใคร ตนก็เลยไม่แคร์กับคำพูดของคนอื่น และหากอนาคตข้างหน้ากฎหมายเปิดโอกาสให้จดทะเบียนสมรสกันได้ก็จะจดทะเบียนสมรสกันอีกด้วย
ขณะที่ น.ส.โสภิตา (เจ้าสาว) กล่าวว่า ตนทั้งสองคนรักและเข้าใจกัน จึงตัดสินใจที่จะแต่งงานอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภรรยา ตนรักอีกฝ่ายเพราะเขาเป็นคนดี ทำมาหากิน และดูแลตนเป็นอย่างดี ส่วนญาติทางบ้านตนนั้นหลังจากพ่อแม่เสียชีวิตแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่กับน้าสาว ซึ่งน้าสาวของตนก็เข้าใจและเป็นผู้จัดงานแต่งงานครั้งนี้ให้ ซึ่งจากนี้ไปจะช่วยกันทำมาหากิน ร่วมกันสร้างอนาคตต่อไป