วัดใหญ่ วัดดัง อย่างวัดพนัญเชิงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็ตกเป็น1ในวัดที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องการทุจริตเงินทอนวัด วันนี้ ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์ ก็เข้าไปสังเกตุการณ์ การก่อสร้างใหม่ การบูรณะ ปฎิสังขรณ์ ถาวรวัตถุภายในวัดพนัญเชิง ที่นี่อดีตเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ขอเงินทอนถึง 2 รอบ รวมเป็นเงิน 13 ล้านบาท
วันนี้วันหยุด ที่วัดพนัญเชิง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็จะมีพุทธศาสนิกชนมากกว่าปกติ เท่าที่ลองสังเกตุเมื่อมาถึงเราพบว่า ภายในวัดมีการก่อสร้างศาลาราย ส่วนการบูรณะถาวรวัตถุก็ก็น่าจะมีอยู่เรื่อยๆ เพื่อต้อนรับพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่มาเยือน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน วัดพนัญเชิงได้มอบหมายให้นายสมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษากฎหมายของพระธรรมรัตนมงคล (นพปฎล กตสาโร) หรือ “เจ้าคุณแวว” เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร ชี้แจง เรื่องนี้ว่า เมื่อปี 2555 วัดได้ก่อสร้างกุฎิทรงไทยจำนวน 9 หลัง และปี 2556 ได้ก่อสร้างทางเดินรอบวิหารหลวงพ่อโต ทั้งหมดได้ใช้เงินจากการบริจาค ซึ่งในปี 2556 นั้นเอง นางสาว ป. ตำแหน่ง ผอ.กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขณะนั้น ซึ่งรู้จักกับพระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส ได้แจ้งว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะให้เงินอุดหนุนวัดจำนวน 10 ล้านบาท โดยเป็นเงินเพื่อการบูรณปฎิสังขรณ์ภายในวัด 2 ล้านบาท และอีก 8 ล้านบาทนำไปให้วัดอื่นที่ยากจน ซึ่งวัดพนัญเชิงวรวิหาร ก็นำเงินจำนวน 2 ล้านไปทำการบูรณะซ่อมแซมวัดตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นงบประมาณปี 2557ต่อมาปลายปี 2557 นางสาวป. ก็แจ้งกับทางเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร ว่าจะมอบเงินอุดหนุนให้กับทางวัดอีกจำนวน 10 ล้านบาท แต่ขอให้ทางวัดมอบเงินสดให้กับนางสาวป. เพื่อนำไปช่วยเหลือวัดอื่นๆ จำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งทางวัดพนัญเชิงวรวิหารก็ได้นำเงินจากงบประมาณอุดหนุนปี 2557 นั้น จำนวน 5 ล้านบาท ไปบูรณะปรับปรุงกุฎิทรงไทย จำนวน 9 หลัง ซึ่งทั้งสองงบประมาณ ทางเจ้าอาวาสได้สอบถามนางป. ว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายหรือไม่ นางสาวป. ยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมาย ทำให้พระธรรมรัตนมงคลเชื่อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ แต่เมื่อทางปปป. ได้แจ้งข้อกล่าวหากรณีเงินอุดหนุนวัดพนัญเชิงวรวิหาร จำนวน 13 ล้านบาท ทำให้พระธรรมรัตนมงคลเชื่อว่านางสาวป. ไม่ได้นำเงิน 13 ล้านบาท ไปช่วยเหลือวัดยากจนจริง จึงได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวป. ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา
ทีมข่าวไบรท์นิวส์พยายามเข้าไปสอบถามข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักพุทธรายนั้น และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกระแสทุจริตเงินทอนวัด แต่เจ้าหน้าสำนักงานไม่สามารถให้ข้อมูลได้โดยอ้างว่าเจ้าอาวาสและกรรมการวัดที่รู้เรื่องนี้ไม่อยู่ จึงไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้
ผู้สื่อข่าวเราได้ลองพูดคุยกับพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญว่า การที่มีข่าวทุจจิตเงินทอนวัด มีผลต่อศรัทธาในพระพุทธศาสนาหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า ความศรัทธายังเหมือนเดิมและจะมาทำบุญเหมือนเดิม