“สมยศ พฤษาเกษมสุข” อดีต บก.นิตยสาร “วอยซ์ ออฟ ทักษิณ” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เคยตกเป็นจำเลยคดี ม.112 ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังรับโทษครบกำหนด 7 ปี
เช้าวันนี้ (30 เม.ย.61 เวลา 06.00 น.) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถนนงามวงศ์วาน กทม. นายสมยศ พฤษาเกษมสุข อายุ 54 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตบรรณาธิการนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวในคดีความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายกับ พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยบรรยากาศมีบุตรชายและบุตรสาว พร้อมด้วยผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจและให้การต้อนรับสู่อิสรภาพรวมกว่า 80 คน
นายสมยศ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมสนุบสนุนและร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความถูกต้องในคดีนี้ตลอดเวลา 7 ปี ทำให้ได้รับอิสรภาพในวันนี้ ส่วนอนาคตต่อไปเท่าที่ติดตามสถานการณ์ตอนนี้ รัฐบาลนี้กลับสู่สภาพคล้ายพฤษาทมิฬ มีปัญหาโดยปัจจัยต่าง ๆ นำสู่ความรุนแรงทางการเมืองได้ โดยเฉพาะการเงิน การลงทุน ทำให้เกิดความขัดแย้งได้ ในสังคมโดยเฉพาะการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดประขาธิปไตย
อดีตจำเลยคดี ม.112 ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องการเมืองนั้น ตนเองมองว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองอยู่แล้วในเรื่องที่ทุกคนแสดงออกทางการเมือง เพราะตอนนี้ประเทศไทยเป็นไทยแลนด์ 4.0 แล้ว พี่น้องประชาชนตื่นตัวมีความรู้ทางการเมืองมากขึ้น ส่วนการเคลื่อนไหวต่อไป คือประชาชนส่วนใหญ่คือเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐประหาร เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบนี้ทำให้สังคมไทยล้าหลัง เศรษฐกิจเสียหายมาก จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของประชาชน ซึงเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ถ้าหากใช้อำนาจเผด็จการมากขึ้นอันนี้ จะไม่เป็นผลดีในแง่สิทธิมนุษย์ชนและไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลด้วย จะทำให้เกิดความขัดแย้งกันมากขึ้น ส่วนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้นเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตย กับการเลือกตั้งอยู่แล้วเป็นเรื่องที่ดี
นายสมยศ กล่าวอีกว่า ส่วนระหว่างที่จองจำอยู่ในเรือนจำนั้นได้บันทึกเรื่องราวของผู้ต้องขัง สภาพความเป็นอยู่ยากลำบาก มีปัญหาความไม่เป็นธรรมหลาย ๆ เรื่องเอาไว้ เช่น มีการใช้ผ้าห่ม 3 ผืนนอนในสภาพที่ลำบาก และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนกลุ่มคนทางการเมืองทั้งคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงนั้น ได้เจอทั้ง 2 ฝ่ายก็รักใคร่กันดีและได้ประสบการณ์ ตอนนี้มีความชัดเจนมากขึ้น ระหว่างเหลืองกับแดง จะร่วมมือกันอย่างไรเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเพื่อความก้าวหน้าของประเทศไทย ส่วนการเลือกตั้งเป็นส่วนแบบของประชาธิปไตย ตนขอสนับสนุน และก็อยากให้รัฐบาล อย่าได้ใช้กลเล่ห์เพทุบาย หรือวิธีต่างๆเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก เพราะไม่เป็นผลดีทางด้านเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดปัญหา