เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.60) มีพลเมืองดีแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ว่า พบเด็กชายวัย 11 ขวบมีบาดแผลเต็มร่างกาย เดินพลัดหลงอยู่ย่านเขตราษฎร์บูรณะ ซึ่งเด็กระบุว่า หนีมาจากโรงเรียนที่ จ.จันทบุรี เพราะเบื่อเพื่อน ส่วนพ่อแม่เสียชีวิต แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบกลับพบความจริงว่า พ่อและแม่แท้ ๆ ของเด็กยังมีชีวิตอยู่ ทั้ง 2 คนระบุลูกชายหนีออกจากบ้าน หลังสร้างปัญหาจนทุกคนต่างเอือมระอา สั่งสอนไม่ฟัง หนักสุด คือ เอาน้ำยาล้างห้องน้ำผสมลงไปในอาหารให้ย่ากิน ส่วนบาดแผลตามร่างกายก็เป็นฝีมือลูกชายล้วน ๆ จนที่สุดแม่ประกาศกลางโรงพักไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายแต่ไปได้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี ประสานส่งตัวเด็กเข้าสู่สถานสงเคราะห์เพื่อฟื้นฟูจิตใจ ขณะที่แม่เผยกับทีมข่าวไบรท์นิวส์ ยืนยันลูกชายเป็นเด็กดื้อและไม่ขอให้สังคมเชื่อ แต่ขอให้ลูกปลอดภัยก็พอ
แม่เด็กเปิดเผยกับทีมข่าวไบรท์นิวส์ ว่า สิ่งที่ให้การกับตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ เป็นความจริงทั้งหมด ซึ่งลูกชายหนีออกจากบ้านมาเมื่อเย็นวันที่ 26 มิ.ย. หลังไปขโมยพระเครื่องของนายจ้างที่ผู้ปกครองทำงานอยู่ด้วย แต่นายจ้างไม่ติดใจดำเนินคดี พร้อมขอให้พ่อและแม่อบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี ด้วยความโมโห ผู้เป็นพ่อจึงใช้เชือกมัดแขนลูกไว้เป็นการทำโทษ แต่ลูกกลับหลบหนีอีก จนมีพลเมืองดีส่งที่โรงพัก นอกจากนี้ ลูกเป็นเด็กดื้อและเกเร ชอบแกล้งคนอื่น ชอบลักทรัพย์ ทั้งโทรศัพท์มือถือของเพื่อนบ้าน และทำลายรองเท้าที่พ่อแม่รับมาจากโรงงานเพื่อทำเป็นอาชีพ จนต้องเป็นหนี้สินมากถึง 180,000 บาท และลูกชายยังมีพฤติกรรมพูดใส่ร้ายพ่อแม่อยู่เป็นประจำ ส่วนบาดแผลที่ปรากฏตามร่างกายเด็กก็มาจากการทำร้ายตัวเองทั้งสิ้น
ผู้ปกครองของเด็กบอกกับตำรวจอีกว่า ตั้งแต่เกิด ลูกชายคนนี้อาศัยอยู่กับปู่และย่าที่ต่างจังหวัด เพราะพ่อและแม่มีภาระต้องเลี้ยงดูลูกสาวคนโตอายุ 14 ปีที่พิการ และลูกชายคนเล็กวัย 6 ขวบ กระทั่งเมื่อหลายปีก่อน ย่าของเด็กมาเสียชีวิต สาเหตุเนื่องจากถูกหลานชายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็ก หยดน้ำยาล้างห้องน้ำผสมกับน้ำให้ดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยลูกมาสารภาพหลังย่าตายแล้ว นอกจากนี้ลูกชายวัย 11 ขวบ ยังเคยผสมผงยากันยุงกับน้ำลำไยให้พี่สาวที่พิการ รวมถึงพ่อและแม่ดื่มด้วย แต่ทุกคนรอดชีวิตมาได้ ทั้งนี้ เคยพาลูกชายไปพบจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้นจึงประกาศกลางโรงพักไม่ขอเลี้ยงดูลูกชายคนนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละคนว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ตนและครอบครัวอยากให้เรื่องนี้จบเพราะถึงเด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวยังไงก็คือลูกของตน อีกทั้งกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้รับลูกชายไปอยู่ในความดูแลแล้ว ขอแค่ลูกปลอดภัยตนก็หายห่วง
ขอขอบคุณภาพข่าวจากเฟซบุ๊ก ของหายได้คืน สวพ.FM91