โฆษก กอ.รมน. ชี้แจงความคืบหน้าการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความปรองดองในระดับพื้นที่ เผยรับฟังเสร็จสิ้นแล้ว 23 จังหวัด โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยดีก่อนนำเสนอให้อนุกรรมการฯ ภายในสิ้นเดือน มี.ค.
16 มี.ค.60 พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวชี้แจงถึงความคืบหน้าการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในพื้นที่จังหวัด ว่า ขณะนี้การรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 23 จังหวัด ได้แก่ นครนายก , ราชบุรี , สระบุรี , ขอนแก่น , ยโสธร , หนองคาย , อุบลราชธานี , อุดรธานี , กำแพงเพชร , เชียงราย , นครสวรรค์ , พิจิตร , แม่ฮ่องสอน , เพชรบูรณ์ , พะเยา , แพร่ , ลำปาง , อุทัยธานี , ตรัง , นราธิวาส , ปัตตานี , สุราษฎร์ธานี และ สงขลา
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นนั้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่ได้มาแสดงความคิดเห็นกันอย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 กลุ่มทางการเมืองและการเมืองท้องถิ่น มีผู้เข้าร่วมให้ความคิดเห็น จำนวน 1,748 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ อดีต สส. และ สว. ในพื้นที่ , สมาชิก อบจ. , อบต. , เทศบาล และกลุ่มแกนนำมวลชนทางการเมือง
กลุ่มที่ 2 กลุ่มนักวิชาการ นักศึกษา สื่อมวลชน องค์กรภาคประชาชน NGOs และกลุ่มที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง มีผู้เข้าร่วมให้ความคิดเห็น จำนวน 1,488 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำองค์กรของสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ผู้นำนักศึกษา และผู้นำสาขาอาชีพต่าง ๆ ในพื้นที่
กลุ่มที่ 3 กลุ่มข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานรัฐวิสาหกิจ หอการค้าจังหวัด และกลุ่ม/องค์กรที่ทำงานร่วมกับส่วนราชการ มีผู้เข้าร่วมให้ความคิดเห็น จำนวน 1,779 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่
และกลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้นำชุมชน(ผู้นำทางธรรมชาติที่ไม่เกี่ยวข้องกับราชการ) ผู้นำทางจิตวิญญาณ ปราชญ์ชาวบ้าน กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และกลุ่มคนในท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ มีผู้เข้าร่วมให้ความคิดเห็น จำนวน 1,294 คน
โฆษก กอ.รมน. ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วย ว่า การรับฟังความคิดเห็นทุกพื้นที่มีบรรยากาศที่ดียิ่ง ทุกกลุ่มได้ให้ความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่ง กอ.รมน. จะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดนำเสนอให้คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองทราบอย่างครบถ้วนภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้