วันที่ 28 มค. เพื่อประกาศให้สังคมรู้ว่า ไม่ว่าใครก็สามารถเป็น ”ฮีโร่” ช่วยสร้างความปลอดภัยในชีวิตให้เด็กๆที่กำลังตกเป็นเหยื่อจากการถูกล่วงละเมิดในทุกรูปแบบได้จริง ChidSafe Movement ภายใต้องค์การเฟรนด์ ประเทศไทยจึงได้ยืนหยัดที่จะขับเคลื่อนอุดมการณ์ให้เกิดการป้องกันคุ้มครองเด็กอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศไทยมายาวนานเข้าปีที่ 10 และได้เปิดตัวการรณรงค์เครือข่าย #ร่วมช่วยกันป้องกันเด็ก ภายใต้สโลแกน “ทุกคนคือฮีโร่ ได้ในทุกๆวัน” พร้อมเปิดตัวมาสคอต “ปุ๊กลุ๊ก” และ 7 ข้อคิดสำหรับบุคคลทั่วไปในประเทศ 7 ข้อคิด ที่ได้รับการถ่ายทอดในรูปแบบอินโฟกราฟฟิคอย่างน่าสนใจเพื่อให้เกิดการบอกต่อในสังคม
คุณอรวรรณ เสาวพัฒน์ ผู้อำนวยการโครงการเฉพาะกิจ องค์การเฟรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าในฐานะที่องค์กรเฟรนด์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “เพื่อน เพื่อน” ซึ่งเป็นโครงการภายใต้องค์การเฟรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้วยการช่วยเหลือให้เด็กๆปลอดภัยจากการถุกล่วงละเมิดทุกรูปแบบ จึงได้เดินหน้าพันธกิจร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคมว่าการคุ้มครองเด็กเป็นหน้าที่ของประชาชนในประเทศนั้นๆ
“เหตุผลที่เรารณรงค์ผ่านสโลแกนนี้ เพราะต้องการเปลี่ยนมุมมองของผู้ใหญ่ในสังคม ที่มองว่าบทบาทการช่วยเหลือเด็กๆเป็นเรื่องไกลตัว เป็นหน้าที่ของภาครัฐ ทั้งที่จริงๆแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ก็สามารถสวมบทฮีโร่นอกจอได้”
คุณอรวรรณ กล่าวด้วยว่า กลยุทธ์ในการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้ต่อสาธารณชนผ่านสื่อช่องทางต่างๆนั้น เราต้องการนำเสนอในรูปแบบกระบวนการสื่อสารที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความน่าสนใจ เราได้รับความร่วมมือจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Buzzinezz มาเป็นผู้วางกลยุทธ์และสร้างสรรค์ไอเดียต่างๆ ออกมาได้อย่างสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง อาทิ เราได้เชิญคุณ น้ำน้อย-ปรีศรี พรหมจินดา นักวาดภาพประกอบชื่อดังมาร่วมถ่ายทอด 7 ข้อคิดสำหรับประชาชนทั่วไป ออกมาในรูปแบบ Infographic อย่างน่าสนใจเพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Facebook Childsafe Thailand
ด้านปทุม มั่นหลำ หรือที่คนในชุมชนโรงหวายเรียกกันติดปากว่า “ป้าทุม” หนึ่งในจิตอสาตัวแทนคุ้มครองเด็ก เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในจิตอาสาเมื่อ 6 ปีก่อนว่า เริ่มจากเมื่อเธอได้มีโอกาสพบกับตัวแทนจากกลุ่มเพื่อน เพื่อน ที่มาลงพื้นที่เก็บข้อมูลในชุมชนโรงหวาย ซึ่งศึกษาว่าชุมชนนี้มีปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนอย่างไรบ้าง ตัวเธอเองได้มีโอกาสเป็นทัวแทนในการให้ข้อมูลในชุมชนโรงหวาย
จากวันแรกที่กลุ่มเพื่อน เพื่อน ได้เข้ามารับฟังข้อมูลจากป้าไป จนถึงวันนี้เรายังทำงานร่วมกันมาโดยตลอด โดยทางเพื่อน เพื่อนจะเดินทางไปเวิร์กช็อป จัดอบรมให้ความรู้ เพื่อให้เยาวชนในชุมชนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ป้าทุมยังทิ้งท้ายถึงความรุ้สึกที่ได้เห็นชุมชนโรงหวายในวันนี้ว่า ดีใจและภูมิใจอย่างที่สุด เพราะเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าปัญหาในชุมชนที่สั่งสมมานานว่าจะได้รับการเยียวยาแล้วในวันนี้
