“ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา เผยจุดเด่น “โควิดสายพันธุ์มิว” ที่เป็นเชื้อโควิดน้องใหม่ คือหนีภูมิคุ้มกัน คนฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม 7.6 เท่าปัจจุบันยังระบาดไม่มาก แต่น่าจับตามอง
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ทางด้านของ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา ได้โพสต์ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโควิดน้องใหม่ อย่างโควิดสายพันธุ์มิว ที่ทางองค์การอนามัยกำลังชี้ว่า เชื้อตัวนี้เป็นเชื้อโควิดที่น่าสนใจ และต้องจับตามอง อีกทั้งยังพบการติดเชื้อแล้วในหลายประเทศ เช่น สหรัฐและญี่ปุ่น ซึ่งทาง ดร.อนันต์ เผยว่าจุดเด่น “โควิดสายพันธุ์มิว” คือการหนีภูมิคุ้มกัน

ไวรัสสายพันธุ์มิว มีจุดเด่นเรื่องหนีภูมิคุ้มกันครับ เพราะมีการกลายพันธุ์ที่ผสมผสานกันระหว่างสายพันธุ์เบต้า กับ แอลฟ่า ข้อมูลล่าสุดที่ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเปิดเผยออกมา ไวรัสสายพันธุ์นี้อาจจะหนีภูมิได้พอๆ หรือ ดีกว่า เบต้าของแอฟริกาใต้ จากข้อมูลของทีมวิจัยพบว่า มิวหนีภูมิจากซีรั่มของผู้เคยติดเชื้อได้ 12.4 เท่า (เบต้าได้ 8.2 เท่า) และหนีภูมิจากซีรั่มคนฉีดไฟเซอร์ 2 เข็มได้ 7.6 เท่า (เบต้าได้ 6.3 เท่า)
แต่การกระจายตัวของมิวในปัจจุบันยังห่างไกลจากเดลต้ามาก ทำให้ประเด็นเรื่องการแพร่กระจายของมิวในกลุ่มประชากรจึงไม่น่ากังวลมาก แต่จากข้อมูลที่ทางญี่ปุ่นเผยแพร่ออกมาทำให้ผมมีคำถามที่อยากติดตามต่อคือ ในประเทศที่มีภูมิคุ้มกันต่อเดลต้าสูงมากๆอย่างอินเดีย จะมีโอกาสที่มิวจะเข้าไปหนีภูมิ และ สร้างปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน ข้อมูลตรงนี้จะมีความหมายเพราะ ช่วงหนึ่งเดลต้าก็อาจจะลดลงเพราะแพร่กระจายไว ภูมิต่อเดลต้าก็จะมีมาก ไวรัสตัวที่จะมาแทนคือ ตัวที่หนีภูมิจากเดลต้าได้ดี และ มีความแพร่กระจายไวในระดับหนึ่งด้วย (มิวอาจได้คุณสมบัตินี้จากแอลฟ่ามา) ดังนั้น มิวจึงเป็นอีกตัวที่ต้องจับตามองดีๆครับ
สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
ข่าวที่น่าสนใจ