ครูขีดคร่อม เอกสารสมัครเรียนต่อ ก่อนเอาไปยื่นเรียนต่อสถานศึกษา 1 วัน เพียงแค่เพราะว่าเด็กผมยาว ชาวเน็ตวิจารณ์หนักทำไม่ถูกต้อง
เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เด็กแดงขาว ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ซึ่งรูปาภาพที่ทางเพจได้แชร์มานั้นคือ เอกสารสำคัญในการสมัครเรียนต่อของนักเรียนชั้นม.3 โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า
“จรรยาบรรณของความเป็นครูหายไปไหนหมด? สิ่งที่ครูกำลังทำเหมือนเป็นการตัดอนาคตของเด็กเลยนะ ถึงแม้ว่านักเรียนจะผมยาว ครูก็ไม่มีสิทธิ์มาเขียนประจานแบบนี้ ยิ่งเป็นใบ ปพ.1 ยิ่งไม่ควรทำ เพราะนี่เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการเรียนต่อ การที่ครูมาขีดเขียนแบบนี้จะทำให้เอกสารฉบับนี้ไร้ค่าลงทันที แล้วถ้าสถานศึกษาที่เด็กจะไปเรียนต่อปฏิเสธ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?”
หลังจากที่เรื่องราวได้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้มีขาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่า “แค่ “ความยาวเส้นผม” มันต้องมีผลกระทบกับขีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ คนไทยให้น้ำหนักความสำคัญอย่างไร้เหตุผลมานานเป็นสิบๆ ปีแล้ว ผมยาวแล้วมันยังไง ถ้าครูมีปัญหากับเส้นผมมากนัก ครูไปโกนผมออกเลยดีมั้ย คนทั่วโลกเค้าไม่มีปัญหากับเส้นผม เอาความยาวเส้นผมมาตัดสินโน่น นี่ นั่น มีผลกระทบต่อการศึกษา ชีวิต อนาคตของเด็ก มันมีอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลกันเหรอ ครูคิดว่ามีอำนาจกับอนาคตเด็ก จะทำอะไรกับอนาคตเด็กแบบไม่ยั้วคิดชนาดนี้เลยเหรอ มาเป็นครูได้ยังไง”

อีกทั้ง ทางคุณครูที่ได้ขีดคร่อมเอกสารปพ.1 ก็ได้ออกมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า “มันเป็นเอกสารฉบับสำเนาใช้ชั่วคราวไม่มใช่ฉบับจบครับ และการขีดคร่อมคือบอกว่าเอกสารนี้ใช้ไม่ได้ต้องยื่นขอใหม่ครับ พร้อมรูปถ่ายที่ถูกต้องครับ และงานทะเบียนก็ใช้วิธีการขีดคร่อมเอกสารที่ไม่ถูกต้องมาแบบนี้หลายปีแล้วไม่ใช่รายนี้รายแรก ซึ่ง นร. ที่มายื่นขอเอกสารต้องทราบรายละเอียดเพราะระบุในคู่มือนักเรียนซึ่งทุกคนจะได้รับ และงานทะเบียนสำเนาติดหน้าห้องด้วย ซึ่งงานทะเบียนปฎิบัติตามหนาที่ ที่ได้รับมอบหมายจากฝ่ายบริหาร จึงต้องยึดตามระเบียบนั้น ซึ่งการยื่นขอเอกสารก็ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ บริการเอกสารฟรี ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากนักเรียนทำตามระเบียบจึงจะถูกต้องครับ”

ทั้งนี้ในประเด็นดังกล่าวยังคงได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตมากมายถึงความเหมาะสมของการขีดคร่อมเอกสารสำคัยที่นักเรียนต้องนำไปใช้ในการสมัครเรียนต่อ โดยชาวเน็ตได้มีความเห็นว่า “ขอถามนะครับ นั้นเป็นสำเนาแต่เด็กต้องเอาไปยื่นให้กับทางสถาบันที่เด็กจะศึกษาต่อ ไม่คิดถึงการตัดสินใจของทางสถาบันนั้นบ้างหรอครับว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเด็กคนนี้ ผมว่าควรมีการว่ากล่าวตักเตือนไม่ก็เรียกมาทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์น่าจะดีกว่านะครับ”



ข่าวที่น่าสนใจ
เปิดจม. ทนายอานนท์ ขอความช่วยเหลือ หลังถูกจนท.พยายามนำตัวไปนอกแดนกลางดึก
พริตตี้สาวถูกซ้อม ทิ้งทวน ตบปากฉีก ก่อนขอเลิก ฝากแผลไว้ให้เป็นความทรงจำ
อ่างทองแล้งหนัก คลองชลประทาน 7 กม. ไร้น้ำ ชาวบ้านพลิกเป็นสนามออกกำลังกาย