โควิด19 — หมอธีระวัฒน์ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กชื่อว่า ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ถึงสถารณ์โควิด19 ที่กำลังกลับมาระบาดอีกครั้ง ในประเทศไทย โดยระบุว่า
“เราเอาอยู่”
1 ระบบการแพทย์และสาธารณสุขในรูปของการตั้งรับ ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยสำหรับผู้ที่มีอาการ และเมื่อทราบแล้ว ตามต่อด้วยเชิงรุกขยายผลให้ทราบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงอยู่ที่ใดและเป็นจำนวนเท่าใดเพื่อเป็นการกันไม่ให้มีการแพร่ต่อ
2 ระบบในการสกัดกั้นการเล็ดลอดจากชายแดนเป็นการร่วมมือของหลายภาคส่วนทั้งกระทรวงมหาดไทย กลาโหม และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดของกระทรวงสาธารณสุข
3 การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อโน้มน้าวผู้ที่จะข้ามแดนให้เข้ามาสู่ช่องทางระบบมาตรฐาน ทั้งนี้ไม่ใช่ต้องการเพื่อการป้องกันการแพร่กระจายอย่างเดียว แต่ยังเป็นการช่วยชีวิตของคนที่ติดเชื้อ ทั้งนี้เมื่อทราบว่าติดเชื้อแล้วมีการเฝ้าต่อว่าโรคจะพัฒนาหนักขึ้นจะได้รีบรักษาทันท่วงที เป็นประโยชน์กับตนเองด้วย และต้องไม่ลืมว่าคนหนุ่มสาวไม่มีโรคประจำตัวเสียชีวิตได้จากการติดเชื้อนี้
4 การเฝ้าระวังในขณะนี้ประสบความสำเร็จมาตลอดด้วยความร่วมมือของประชาชนชุมชนในพื้นที่ ที่สอดส่องตรวจตราทั้งต่างชาติที่เข้ามาและยังส่งเสริมให้คนในชุมชนมีวินัยเคร่งครัด
5 การโน้มน้าวให้มีวินัย เป็นการควบคุมตักเตือนในสังคม ชุมชนนั่นเอง ให้มีคุณธรรมชุมชน รักตัวเองรักครอบครัวและเพื่อนบ้าน
6 การชุมนุมบันเทิง การท่องเที่ยว การเดินทางด้วยรถโดยสาร ยานพาหนะก็ยังคงปฏิบัติได้ โดยการมีวินัย ในขณะเดียวกันเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยที่ไม่มี
การกระจัดกระจายระบาดของโรค ด้วยมาตรการที่เรามีอยู่ ณ ขณะนี้ ความเข้าใจในตัวโรค การรักชีวิตตนเอง ครอบครัว และความรับผิดชอบต่อชุมชนสังคม จะทำให้ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยและเราเอาอยู่ได้แน่นอน
“แนวตั้งรับ..ให้เอาอยู่ และรุกกลับ”
1 แนวตั้งรับของประชาชนต้องดีกว่านี้
ภายในระยะเวลาหนึ่งถึงสองเดือนที่ผ่านมามีทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีอาการของไข้หวัดเล็กกลางใหญ่ และจนกระทั่งถึงปอดบวมมากขึ้นซึ่งเชื้อเหล่านี้ หลายสิบชนิดรวมทั้ง RSV เชื้อเหล่านี้ทั้งหมดสามารถป้องกันได้ด้วยใส่หน้ากากล้างมือรักษาระยะห่าง สะท้อนให้เห็นถึงวินัยที่หย่อนยานลงและต้องเข้มงวดกับตนเองใหม่
2 มาตรการตั้งรับเชิงรุก การตรวจคัดกรองคนหมู่มากทั้งในการชุมนุมและที่ด่านตะเข็บชายแดน โดยการใช้การตรวจเลือดปลายนิ้วที่ทราบผลใน 2 นาที ซึ่งขณะนี้สามารถบอกว่าใครมีการติดเชื้อได้หมด
แต่มีข้อแม้ว่าผลบวกที่ได้ว่ามีการติดเชื้อนั้นอาจไวเกินจริงเช่น 100 คนที่ตรวจได้ผลตรวทเลือดเป็นบวก 7 คนแต่มีติดจริงๆสี่คน ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่กักตัวไม่ให้เข้าและให้แยกตัวอยู่ในที่พักของตนเองจน 14 วันค่อยว่ากันใหม่
การตรวจเพียง 100 บาทและถ้าอยากพิสูจน์ว่าเลือดที่บวกเป็นบวกจริงๆตรวจที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่สภากาชาดไทยราคา 1000 บาท
3 ถ้าเลือดเป็นบวกไม่ว่าจะเป็น + ชนิดใด IgM IgG neutralizing antibody บอกไม่ได้ว่ายังแพร่เชื้อได้หรือไม่ ต้องทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีพีซีอาร์จากการแยงจมูก
4 สื่อสารในวงกว้างถึงประโยชน์ที่จะได้รับ
ถ้าจะเข้าประเทศด้วยช่องทางมาตรฐานและรับการตรวจก่อน จะเป็นการช่วยชีวิตตนเอง เพราะถ้าเป็นผลบวกจะมีการให้ดูอาการแม้ว่าจะไม่ใช่ในโรงพยาบาลก็ตาม และถ้าเริ่มมีอาการจะได้เริ่มทำการรักษา
ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า เป็นคนหนุ่มสาวแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวก็ตายได้ ดังที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ทั้งโลกและในประเทศไทย
5 นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่มีคุณภาพ เช้าทางสนามบิน จาก ตปท เมื่อผ่านการตรวจคัดกรองที่ในขณะนี้มีอยู่อย่างดีเยี่ยม และสามารถติดตามตัวได้หลังจากที่เข้าประเทศมาแล้ว
“ไม่ต้องเป็นห่วง” เมื่อเทียบกับสถานการณ์ชายแดน และเป็นโอกาสที่จะเปิดประเทศเพื่อการเศรษฐกิจได้ โดยรายงานจากประเทศพม่า 3/12/2020
ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,418 ราย รวมยอดสะสม 95, 018ราย รักษาหายเพิ่ม 1,147ราย รวมรักษาหาย 73, 748 ราย เสียชีวิตเพิ่ม30 ราย รวม 2, 028ราย วันนี้ตรวจ22719ตัวอย่าง.
หาก โควิด19 ระบาดซ้ำ! หมอธีระ แนะรัฐสังคายนานโยบายสุขภาพ เที่ยว เดินทาง
จ่าย1แสน ! หากนักท่องเที่ยวติด โควิดเชียงใหม่ เสียชีวิตจ่าย1ล้าน
โควิด19 ระบาด! สธ. ขอความร่วมมือคนไปเที่ยว สิงห์ปาร์คเชียงราย กักตัว 14 วัน