หมอรามาฯ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร โพสต์แนะนำปรับสูตรวัคซีน ผลวิจัยชี้”แอสตร้าฯ“สลับ “ไฟเซอร์” ประสิทธิภาพใกล้เคียง วัคซีน mRNA 2 เข็ม
ในถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย มาตรการอย่างหนึ่งที่ทางภาครัฐดำเนินการเพื่อควบคุมสถานการณ์นี้ คือการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประชากรในประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้นกันหมู่ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้นับถอยหลัง 155 วันตามแผนการฉีดวัคซีนร้อนบล้านโดสในปี 2564 นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสธ.ได้ออกมาประกาศปรับสูตรการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และต้านเชื้อโควิดเดลต้าที่กำลังเป็นเรื่องที่น่ากังวล คือ เข็มแรกซิโนแวค และ เข็มสองแอสตร้าเซนเนก้า
ทั้งนี้มีหลายเสียงที่กังวลในเรื่องของผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางภาครัฐนำเข้าวัคซีน mRNA จากต่างประเทศ เพื่อระดมฉีด และต้ากับเชื้อโควิดเดลต้าที่กำลังระบาดในหลายประเทศมั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
ล่าสุดทางด้านของศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความ และ ผลวิจัยผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว มานพ พิทักษ์ภากร ที่ชี้ถึงประสิทธิภาพของสูตรวัคซีนสลับ เข็มแรก แอสตร้าเซนเนก้า และเข็มที่สองคือวัคซีน mRNA ได้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีน mRNA 2 เข็ม
ประสิทธิผลของวัคซีนสูตรสลับระหว่าง AstraZeneca กับ mRNA vaccine จากประเทศเดนมาร์ค รวมกันกว่า 136,000 คน ออกมาดูดีมากครับ คือมี vaccine effectiveness สูงถึง 88% สอดคล้องกับระดับ neutralizing antibody ที่มีการศึกษาก่อนหน้านี้ว่าสูตรนี้ทำได้ใกล้เคียงกับการฉีด mRNA vaccine 2 เข็ม
(อ่านเพิ่มเติมที่นี่ https://www.facebook.com/manopsi/posts/10161124715083448)
เป็นหลักฐานทางคลินิกชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นว่าการฉีด AstraZeneca เข็มหนึ่ง และใช้ Pfizer หรือ Moderna เป็นเข็มสอง มีประสิทธิผลดีทัดเทียม mRNA vaccine สมควรนำมาใช้แทนการฉีด AstraZeneca vaccine เหมือนกันทั้งสองเข็ม ในกรณีต้องการกระตุ้นระดับ antibody ให้สูงเพื่อป้องกันการป่วยจาก COVID และเป็นข้อมูลยืนยันว่า ระดับ antibody สัมพันธ์กับประสิทธิผลของวัคซีนจริง ๆ
บ้านเราก็ควรนำมาใช้ได้เช่นกัน ในช่วงปลายปีเราจะมี Pfizer vaccine ทยอยมารวม 20 ล้าน doses ถ้าปรับมาใช้สูตรเข็มแรก AstraZeneca เข็มสองเป็น Pfizer เราจะฉีดให้ประชาชนได้ถึง 20 ล้านคน แทนที่จะเลือก Pfizer ทั้งสองเข็ม สำหรับประชาชนแค่ 10 ล้านคน
ข่าวที่น่าสนใจ