จากกรณีอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มาฟังคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว ก่อนหนีออกนอกประเทศ ล่าสุด ผู้บัญชาการทหารบก แจงยิบ เชื่อศักยภาพหนีได้ เพราะเคยเป็นถึงอดีตนายกฯ มีบารมี มีคนหนุน คาดเตรียมการล่วงหน้ารอวันเวลาหนี รับกองกำลังชายแดนมีช่องโหว่
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณะ ว่า ทางนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยว โดยเฉพาะกองทัพบกที่มีกองกำลังตามแนวชายแดน ติดตามตรวจสอบเส้นทางการหลบหนี ช่วงเวลา และวิธีการ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง โดยตรวจสอบจากกองกำลังชายแดนทั้ง 4 กองทัพภาค ยังไม่ปรากฏสิ่งบอกเหตุว่านางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกไปในเส้นทางใด แต่พยายามลงรายละเอียดเรื่องกล้องวงจรปิด และช่องทางธรรมชาติต่างๆ ซึ่งยังไม่ปรากฏว่าตรงไหนเป็นเส้นทางที่นางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกไปจริง ซึ่งตามหลักฐานยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีหรือไม่ แต่ถ้าตามสถานการณ์ เชื่อว่าจะออกนอกประเทศไปแล้ว และจากการวิเคราะห์ ยืนยันว่า ด้วยศักยภาพของเขา เคยเป็นถึงอดีตนายกฯ และมีผู้สนับสนุน โดยมีเครือข่ายพอสมควร ที่พร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลือหลบหนีจากไทย อีกทั้งคนรอบข้างก็เป็นคนที่มีความรู้ โดยเฉพาะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลติดตามความปลอดภัยให้ ดังนั้น จะรู้วิธีการและเทคนิคเป็นอย่างดี
สำหรับ คสช.เองต้องยอมรับว่า เราไม่ได้ควบคุมนางสาวยิ่งลักษณ์ อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาเคยส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปติดตามเป็นบางช่วง รวมทั้งเฝ้าหน้าบ้านพัก แต่ก็ถูกสังคมกล่าวหาว่าเราไปข่มขู่ คุกคาม จึงถอยกำลังออกมา ถ้าพูดถึงการหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ก็มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นพี่ชาย โดยเชื่อว่าจะเป็นผู้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้ และสิ่งสำคัญที่สุดนางสาวยิ่งลักษณ์ ยืนยันมาตลอดเวลาว่าพร้อมพิสูจน์ตนเอง จนไม่มีใครคาดคิดว่าจะหลบหนี ฉะนั้นยืนยันว่าการหลบหนีครั้งนี้มีการเตรียมการ และตัดสินใจไว้ล่วงหน้า เพียงแต่รอเวลา และโอกาสที่เหมาะสม ส่วนจะมีทหารร่วมช่วยเหลือวางแผนการหลบหนีด้วยหรือไม่ ตนไม่รู้ลึกขนาดนั้น เป็นปฏิบัติการลับ และเขาก็ปิดลับได้ดี อีกทั้งเป็นถึงอดีตนายกฯ ก็มีบารมีพอสมควร บ้านเราขนาดรั้วรอบขอบชิด ขโมยเข้ามายังออกไปได้เลย
“ที่ผ่านมา คสช.ไม่ได้ตายใจ แต่เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน เขาอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย ที่สำคัญวางเงินประกันตัวไว้ 30 ล้าน ใครจะคิดว่าเขาจะทิ้งเงินประกันไป หลายคนก็ตกใจ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์มีเหตุผล พอสถานการณ์คลี่คลายในระดับหนึ่งคงจะออกมาชี้แจงกับสังคม แต่ผมยืนยันว่าเราไม่ได้เกลี่ยเซี่ย ถ้าบอกเป็นความบกพร่องของคสช. หรือกองทัพบกที่รับผิดชอบกองกำลังชายแดน ผมยอมรับ เพราะอย่าลืมว่าชายแดน รอบประเทศมีความยาว 5,656 กิโลเมตร ดังนั้นการวางกองกำลังเจ้าหน้าที่จะวางกำลังตรงจุดสำคัญ ในกรณีที่มีข่าวแจ้งเตือนเรื่องใดก็ตาม ก็จะเคลื่อนกำลังมาดูแลแต่ละจุด แต่กรณีนี้กองทัพบกเองไม่เคยสั่งกองกำลังชายแดนต้องหันมาดูเรื่องนี้ เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องพูดเสมอว่า พร้อมที่จะเผชิญหน้าในวันตัดสินคดี” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
ส่วนความบกพร่องที่เกิดขึ้น ทางกองทัพบกขอน้อมรับในความผิดพลาดดังกล่าว ที่ปล่อยให้เกิดความหละหลวม แต่ข้อเท็จจริงเรายังไม่รู้ว่าเขาออกนอกประเทศไปหรือยัง และอยู่ที่ไหน ส่วนการข่าวมีกระแสให้น้ำหนักว่าหลบหนีออกทางชายแดน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวออกจากสนามบินภายในประเทศ คิดว่าทำไม่ได้ เพราะมีขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบ การเข้าออกสนามบิน ไม่ใช่จะเข้าออกกันง่ายๆ แต่พื้นที่ชายแดน ยอมรับว่าอาจมีช่องว่างได้ ทั้งทางบกทางทะเล แต่อย่าลืมว่าการตามตัวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนรอบข้างของเขามีความสามารถด้านนี้ โดยเฉพาะตำรวจติดตาม ขณะนี้ทราบว่ามีการทิ้งโทรศัพท์ที่เคยใช้ทั้งหมด รวมถึงเปลี่ยนรถที่เคยใช้ ดังนั้นจะไปตามในวิธีการที่เราเคยทำเป็นเรื่องยาก เพราะต้องสู้ทางเทคนิคพอสมควร ส่วนจะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ มาให้ข้อมูลหรือไม่ เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ซึ่งภาพรวม เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนกองทัพบกจะให้ผู้ช่วยทูตทหาร ถ้ามีข้อมูลเป็นประโยชน์จะแจ้งให้ทราบ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับแจ้ง
นอกจากนี้ พลเอกเฉลิมชัย ยังรู้สึกไม่เบาใจ เราเดินตามกรอบเดิมทุกอย่าง สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ทราบว่าทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะปฏิรูปจัดรูปแบบอย่างไร อาจจะเข้มแข็งกว่าเดิมก็ได้ ถ้าจัดระบบที่ประชาชนยอมรับ ดังนั้นอย่าปรามาศพรรคเพื่อไทยว่าจะอ่อนแอ ส่วนกรณีของนายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ “น้องไปป์” บุตรชายนางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องเดินทางไปฝึกนักศึกษาวิชาการทหาร นศท. ที่ศูนย์ฝึก ถนนวิภาวดีรังสิต ว่า เป็นการฝึกตามปกติ และไม่ต้องไปตามประกบ เพราะไม่รู้จะไปประกบทำไม จะดูก็แค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้นเอง