ที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ได้ผ่านข้อมติเมื่อวันที่ 15 มี.ค.60 กล่าวยกย่องและรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะที่พระองค์ทรงดำรงพระชนมชีพอย่างโดดเด่น เป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และเปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ รวมถึงแสดงความยินดีแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ทรงสืบทอดพระราชบัลลังก์
เว็บไซต์ของสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกา เผยมติเป็นเอกฉันท์ (a resolution) หมายเลข S.Res.9 ในที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ สมัยสามัญที่ 115 ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2017 ยกย่องและเทิดพระเกียรติยศอย่างเป็นทางการแด่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ในฐานะที่พระองค์ทรงดำรงพระชนมชีพอย่างโดดเด่น เป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ อีกทั้งได้แสดงความยินดีแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสืบทอดพระราชบัลลังก์
นอกจากนี้ ในมติดังกล่าว ยังได้เฉลิมฉลองความเป็นพันธมิตรและมิตรภาพระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 183 ปี มีความเป็นหุ้นส่วนกันในการรักษาสันติภาพ, มีเสถียรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกันในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
พร้อมกันนี้ มติดังกล่าวยังถวายความยินดีแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่เสด็จขึ้นครองราชย์สืบแทนพระราชบิดาของพระองค์ ด้วยรากฐานของความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในรัชสมัยของพระราชบิดาของพระองค์ และรอคอยที่จะกระชับสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างไทยและสหรัฐให้แนบแน่นต่อไป
สำหรับมติ S.Res.9 นี้ ผู้เสนอ ได้แก่ นายออร์ริน แฮทช์ วุฒิสมาชิกรัฐยูทาห์จากพรรครีพับลิกัน โดยได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกคนอื่น ๆ ประกอบด้วย นายรอเบิร์ต, นายคอตตัน, นายเฟลก, นายการ์ดเนอร์, นายจอห์น แมคเคน, นายแจ้ค รีด และ พ.ท.หญิงลัดดา แทมมี่ ดั๊กเวิร์ธ โดยเสนอเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2017 เข้ามายังคณะกรรมาธิการต่างประเทศของวุฒิสภา
ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2017 มติเห็นพ้องอย่างเป็นเอกฉันท์ในวุฒิสภาโดยไม่มีการแก้ไขข้อความและคำนำ จากนั้นมตินี้ได้ถูกนำไปตีพิมพ์ไว้ในสำนักงานหอสมุดบันทึกของรัฐบาลกลางสหรัฐ (U.S. Government Publishing Office) โดยชื่อเต็มของมติคือ S.Res.9 – 115th Congress (2017-2018) หรือมติที่ 9 ของวุฒิสภา สมัยการประชุมที่ 115 ( 2017-2018) ซึ่งมติดังกล่าวได้แจกแจงรายละเอียดของ พระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ทรงมีความสัมพันธ์พิเศษกับสหรัฐอเมริกา
พระองค์เสด็จพระราชสมภพที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ในปี พ.ศ.2470 (ค.ศ.1927) ขณะที่สมเด็จพระราชบิดาอยู่ในระหว่างทรงศึกษาด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ก่อนเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) และฉลองการครองราชย์ครบ 70 ปีเมื่อปี 2016 ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกและประวัติศาสตร์ประเทศไทย
พระองค์ทรงอุทิศตลอดชีวิตของพระองค์เพื่อให้คนไทยได้มีความกินดีอยู่ดี ทรงพัฒนาประเทศไทยอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของประราษฎร์จากก้นบื้องพระหทัยของพระองค์ ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรไทยทั้งมวล อีกทั้งได้รับความเคารพนับถือจากประชาชนทั่วโลก
พระองค์เสด็จออกเยี่ยมพสกนิกรทุกหนแห่ง ทรงพบกับคนยากจนที่สุดของประเทศ,คนมั่งคั่งในไทย,ไม่ถือพระองค์ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานภาพใด,เป็นชนกลุ่มใด,นับถือศาสนาใด ทรงรับฟังปัญหาของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าด้วยพระองค์เอง จากนั้นทรงช่วยให้ทุกคนยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
เมื่อปี 2006 องค์การสหประชาชาติได้ถวายรางวัลมนุษยธรรมแด่พระองค์ ในฐานะที่ทรงเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” โดยเฉพาะการพัฒนาด้านมนุษย์ให้กับพสกนิกร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นที่รู้จักในระดับสากลที่พระองค์ทรงมีนวัตกรรม,ทรงคิดค้นต่างๆ อันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของพระองค์ ในปี 2009 องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกทรงถวายรางวัลผู้นำโลก (the Global Leadership Award) แด่พระองค์
ในช่วงสงครามเย็น พระราชกรณียกิจของพระองค์ทรงทำให้ประเทศไทยมีความสงบสุขและมีเสถียรภาพ ทรงเป็นตัวอย่างของมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 1960 ขณะเสด็จพระราชดำเนินสหรัฐอเมริกา พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสในที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรสอันแสดงให้เห็นความแน่นแฟ้นในมิตรภาพของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถวายพระเกียรติในพระราชกรณียกิจอีกหลายประการ เช่น ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการฝึกรบ “คอบร้าโกลด์” ประจำปี, อนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ ใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อช่วยเหลือนานาชาติด้านมนุษยธรรม เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2003 ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ได้ลงนามให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรนอกสินธิสัญญาป้องกันร่วมแอตแลนติกเหนือ (นาโต้)
พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2016 สิริพระชนมายุ 88 พรรษา
สำหรับมติของวุฒิสภาสหรัฐฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เฉลิมพระเกียรติเป็นพิเศษ, ความมั่นคงแห่งผู้นำ, ความน่าทึ่งในพระชนมพรรษาของพระองค์, ทรงครองราชย์ 70 ปีของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
2. มติแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังพระราชวงศ์ของไทย และประชาชนคนไทยทั้งมวลที่สูญเสียพระองค์
3. เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐที่มีมานาน 183 ปี โดยทั้ง 2 ประเทศมีผลประโยชน์ร่วมในด้านการรักษาสันติภาพ, เสถียรภาพ และความมั่งคั่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
4. ถวายความยินดีแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่เสด็จขึ้นครองราชย์
5. การสร้างรากฐานที่เข้มแข็งของความเป็นพันธมิตรในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาสืบต่อไปอย่างแน่นแฟ้น
สำหรับต้นฉบับมตินี้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.congress.gov