หวั่นเด็กไม่ปลอดภัย! เพื่อนบ้านร้องตำรวจช่วยเหลือเด็กถูกขังในบ้าน ก่อนถ่ายคลิปขณะที่คุยกับเด็ก วิงวอนขอให้ผู้ปกครองปล่อยให้ออกมาดูโลกภายนอกบ้าง
เสียงของเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่วิงวอนถึงผู้ปกครองเพื่อให้ปล่อยตัวออกมาดูโลกภายนอกบ้าง หลังจากที่ถูกขังอยู่ในบ้านทาวเฮ้าชั้นเดียวปลูกสร้างติดกันกว่า50 หลังคาเรือน ภายในซอยแผ่นดินทอง1 ถนนวัดโขดหิน-เขาไผ่ เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งทางเพื่อนบ้านได้แจ้งตำรวจให้ช่วยเหลือ เนื่องจากเกรง่วาเด็กจะได้รับอันตราย ทางตำรวจภูธรมาบตาพุด จึงได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบบ้านหลังดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิด ประตูเหล็กล็อกกุญแจ ตัวบ้านภายในปิดเงียบ ทางตำรวจ และเพื่อนบ้านได้ส่งเสียงเรียกเด็กหญิงคนดังกล่าว แต่ไร้เสียงตอบรับ
ต่อมาชุดสืบสวน สภ.มาบตาพุด ได้สืบทราบว่า บ้านหลังดังกล่าว มีอาของเด็กหญิงคนดังกล่าว ซึ่งมีอาชีพรับจ้าง เป็นผู้ปกครอง ทางตำรวจจึงเชิญตัวมาให้ปากคำที่โรงพัก เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และจากการสอบสวนผู้ปกครอง ให้การว่า น้องมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย ชนิดที่เผลอไม่ได้ จนทางโรงเรียน ได้เชิญผู้ปกครองไปพบอยู่หลายครั้ง และทำทัณฑ์บนไว้แล้ว จนครั้งล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางโรงเรียนแจ้งว่า รับไม่ได้กับพฤติกรรมของน้อง ขอให้หาที่เรียนใหม่ ตนจึงต้องให้อยู่ในบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาเพียง 1 สัปดาห์ จำเป็นต้องล็อกประตูบ้านไว้ และให้อยู่แต่ภายในบ้านที่เป็นห้องโถง ซึ่งมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และของกินอยู่ไม่ขาดให้น้องไว้รับประทาน
ซึ่งอาของเด็กหญิงคนดังกล่าวก็ได้บอกว่า ทั้งบ้านอยู่กัน 3 คน มี ตนที่เป็นอา และพี่สะใภ้ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของเด็ก โดยในสิ่งที่ทำไปก็เพราะเป็นห่วงน้อง เนื่องจากน้องมีพฤติกรรมขโมยของ และทำลายข้าวของภายในบ้าน ซึ่งในตอนนี้ก็เริ่มเป็นวัยรุ่น และมีประจำเดือนแล้ว เกรงว่าด้วยพฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้น้องได้รับอันตรายก็เป็นได้ จึงให้อยู่ภายในบ้านก่อนในช่วงนี้ เพื่อรอหาโรงเรียนใหม่ ส่วนพ่อของน้อง ก็ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด ตนและพี่สะใภ้มีความเป็นห่วงในพฤติกรรมที่น้องเป็นอยู่ และการที่ตำรวจเชิญมาพบก็ถือเป็นเรื่องดี ที่จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ไข และช่วยเหลือ
เบื้องต้น ทางตำรวจได้ตรวจสอบไปยังโรงเรียนของเด็ก ทราบว่า เด็กถูกเชิญออกจากโรงเรียนจริง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ พมจ.ระยอง มาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ พมจ. จะต้องเชิญเด็กมาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ เพื่อหาทางออกให้กับเด็ก ว่าเหตุใดเด็กจึงมีพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบที่พักของเด็ก และจะสอบปากคำเพื่อนบ้านถึงพฤติกรรมของเด็กอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะวางแนวทางแก้ไขให้เด็กกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ปกครองของเด็กนั้น ต้องรอเจ้าหน้าที่ พมจ.ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จก่อน หากพบว่ามีการกระทำผิด ทาง พมจ.ก็จะเข้าแจ้งความกับตำรวจอีกครั้ง
