การควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ถือเป็นการรักษาความเป็นธรรมของการแข่งขันกีฬา และประกันสุขภาพของนักกีฬาที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้สารเหล่านั้น การดำเนินการควบคุมสารต้องห้าม เป็นการดำเนินการตามกฎการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก ซึ่งมีมาตรฐานการตรวจที่เป็นสากล ดังนั้น นักกีฬาและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในวงการกีฬาทุกคน จึงควรศึกษาขั้นตอนการเก็บตัวอย่างของเจ้าหน้าที่ควบคุมสารต้องห้าม หรือ DCO ซึ่งจะมีอยู่ทั้งสิ้น 5 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1. การสุ่มเลือกนักกีฬา การเรียกตรวจสามารถดำเนินการได้ใน 2 ช่วง คือในช่วงการแข่งขัน และนอกช่วงการแข่งขัน
– สำหรับการเลือกตรวจในช่วงการแข่งขัน จะเป็นไปได้หลายแนวทาง ทั้งโดยการสุ่มเลือก หรือเลือกจากผลการแข่งขัน หรือจะ Focus ไปที่นักกีฬากลุ่มเสี่ยง
– สำหรับการตรวจนอกช่วงการแข่งขัน นักกีฬาสามารถโดนสุ่มตรวจได้ตลอดเวลา และทุกสถานที่ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้นักกีฬาทราบล่วงหน้า
2.เรื่องการแจ้งนักกีฬา จะมีขั้นตอนเหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่นอกหรือในช่วงการแข่งขัน
ถ้าเราถูกเรียกตรวจ เจ้าหน้าที่ DCO จะแสดงบัตรประจำตัว และอธิบายถึงสิทธิ์และความรับผิดชอบต่าง ๆ ในกระบวนการตรวจสารต้องห้าม
ต่อจากนั้นเราก็จะต้องลงชื่อในแบบฟอร์มเพื่อยอมรับขั้นตอนการตรวจ และไปรายงานตัวที่สถานีควบคุมสารต้องห้ามทันที
แต่ก็มีข้อยกเว้นให้ยืดเวลาออกไปได้นะครับ อย่างในกรณีที่เรามีเหตุอันสมควร
ย้ำ!มีเหตุอันสมควร เช่น กำลังถูกสัมภาษณ์อยู่ /
กำลังรับเหรียญรางวัล หรือว่าเรากำลังรักษาอาการบาดเจ็บ
และเมื่อมาถึงสถานีฯ แล้ว สิ่งที่ควรระวัง คือ
ห้ามรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มจากผู้อื่นเด็ดขาด
แต่สามารถรับประทานอาหารที่เตรียมมาเอง และดื่มน้ำได้เฉพาะที่ทางสถานีจัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น
ในระหว่างการดำเนินการเก็บตัวอย่าง ห้ามทำการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ หรืออัดเทปใด ๆ โดยที่เจ้าหน้าที่จะอยู่กับเราตลอดเวลา จนกว่าจะเสร็จสิ้นการทดสอบ
3. กระบวนการเก็บตัวอย่าง กระบวนการนี้หลายคนอาจวิกตกกังวล แต่ไม่ต้องกลัวครับ เพราะเราสามารถนำผู้ติดตามเข้าสถานี ฯ ได้ 1 คน โดยนักกีฬาที่โดนตรวจต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนทั้งหมด หลังจากนั้นก็ทำการเลือกอุปกรณ์บรรจุปัสสาวะ และเมื่อพร้อมในการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ จะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นเพศเดียวกันเข้าไปสังเกตุการณ์ด้วย จนได้ปริมาณปัสสาวะตามที่กำหนดอย่างน้อย 90 มิลลิลิตร และนักกีฬาก็ต้องนำมาเทใส่ขวดตัวอย่าง แบ่งเป็น ขวด B 30 มิลลิลิตร และขวด A 60 มิลลิลิตร และทำการปิดผนึกขวด ขั้นตอนทั้งหมดเหล่านี้นักกีฬาต้องทำด้วยตนเองทั้งหมด
ขั้นตอนต่อมา ให้เราต้องกรอกแบบฟอร์มควบคุมสารต้องห้าม (DCF) และหากมีข้อเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมในขั้นตอนการตรวจ ก็สามารถบันทึกลงใน DCF ไว้ จากนั้นตรวจสอบความถูกต้องให้เรียบร้อย ก่อนลงชื่อในแบบฟอร์มจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวอย่างที่เก็บได้และสำเนาแบบฟอร์ม ไปส่งยังห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจาก WADA ส่วนสำเนาอีก 1 ชุด จะส่งไปยัง DCAT และตัวนักกีฬาก็จะถือไว้ 1 ชุด
.
กระบวนการที่ 4. การวิเคราะห์ตัวอย่าง เมื่อตัวอย่างถึงห้องปฏิบัติการ ขวด A จะถูกนำไปตรวจวิเคราะห์ ส่วนขวด B จะถูกนำไปเก็บรักษาอย่างปลอดภัย ไว้สำหรับรอใช้ตรวจวิเคราะห์ เพื่อยืนยันผลจากขวด A ในภายหลัง
.
ขั้นตอนสุดท้าย คือ กระบวนการจัดการกับผลตรวจ โดยทางห้องปฏิบัติการจะรายงานผลการตรวจไปยังสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (DCAT) และส่งสำเนาไปยัง WADA ส่วนอีกชุดส่งไปยังสหพันธ์กีฬานานาชาติ (IF) ด้วย เพื่อการยืนยันความถูกต้องให้ครบถ้วน และในกรณีที่ผลการตรวจพบสารต้องห้าม นักกีฬาผู้นั้นมีสิทธิในการขอตรวจผลซ้ำอีกครั้งจากขวด B เพื่อความยุติธรรมและโปร่งใสที่สุดจากนั้นจึงจะนำเข้ากระบวนการการพิจารณาโทษต่อไป
.
กระบวนการลงโทษนักกีฬา หรือบุคคลซึ่งสนับสนุนการกีฬา คณะกรรมการพิจารณาโทษจะพิจารณาโทษภายใน 30 วัน และแจ้งผลการพิจารณาโทษแก่นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงสหพันธ์กีฬานานาชาติ และ WADA ทราบ และหากนักกีฬาหรือผู้เกี่ยวข้องมีความผิดจริง อาจถูกห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับกีฬาตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด โดยอาจมีโทษสูงสุดถึงการห้ามยุ่งเกี่ยวกับกีฬาไปตลอดชีวิต และอาจมีการเรียกเหรียญรางวัลหรือเงินรางวัลที่ได้รับคืนได้ด้วย
สำหรับกระบวนการลงโทษ ไม่ได้มีเพียงนักกีฬาเท่านั้นที่จะถูกลงโทษ แต่ยังมีบุคคลซึ่งสนับสนุนการกีฬา เช่น ผู้ฝึกสอนซึ่งหากฝ่าฝืนกฎ ก็อาจถูกลงโทษได้เช่นกัน โดยคณะกรรมการพิจารณาโทษจะพิจารณาหากมีมติเช่นไร กกท. จะดำเนินการแจ้งผลของการพิจารณาไปยังนักกีฬา หรือบุคคลซึ่งสนับสนุนกีฬาที่ฝ่าฝืนกฎ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง สหพันธ์กีฬานานาชาติ และ WADA ทราบ ดังนั้น การลงโทษอาจถูกห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับกีฬาตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด หรืออาจมีโทษสูงสุดถึงการห้ามยุ่งเกี่ยวกับกีฬาไปตลอดชีวิต และอาจมีการเรียกเหรียญรางวัลหรือเงินรางวัลที่ได้รับคืนได้ด้วย หากนักกีฬา หรือบุคคลซึ่งสนับสนุนกีฬาที่ฝ่าฝืนกฎ ไม่พอใจในผลการพิจารณา สามารถยื่นคำขออุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับผลการพิจารณา โดยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด