รมช.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งโคราช หลังพบว่า เกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำรุนแรงหลายอำเภอ สั่งกำชับหน่วยงานรัฐดูแลทุกข์สุขแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง พร้อมชูการบริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคอง เป็นโมเดลต้นแบบให้พื้นที่อื่น
วันที่ 22 ก.ค.62 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนร่วมต้อนรับ จากนั้นได้รับฟังการบรรยายสรุปจากสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ก่อนลงเรือท้องแบนดูสภาพน้ำลำตะคอง ในช่วงที่ไหลผ่านเข้าสู่เขตตัวเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ชุมชนวัดท่าตะโก ไปจนถึงท่าน้ำชุมชนวัดสุสาน อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา รวมระยะทาง 3 กิโลเมตร
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.นครราชสีมา และได้สั่งการให้ตนมาตรวจงานราชการและรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วน เพราะสิ่งที่ประชาชนกำลังได้รับผลกระทบอย่างยิ่งในเวลานี้คือ วิกฤตภัยแล้ง ซึ่งถือว่าเป็นวิกฤตและเป็นวาระแห่งชาติในฐานะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของประชาชน จึงได้หารือกับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรื่องแนวทางการบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนลำตะคองที่ไหลผ่านใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สีคิ้ว , อ.สูงเนิน , อ.ขามทะเลสอ , อ.เมือง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา และ อ.เฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของประชาชน ให้ดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนอย่างเอาจริงเอาจัง
ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปตรวจราชการการบริหารจัดการน้ำหลายจังหวัดภาคเหนือ ที่เวลานี้วิกฤตรุนแรง การแก้ปัญหาเร่งด่วน ประการแรก คือการทำฝนหลวงในพื้นที่ที่แห้งแล้งและ จ.นครราชสีมาก็มีหลายอำเภอที่ได้รับผลกระทบวิกฤตภัยแล้งรุนแรง ซึ่งตนจะได้กำชับให้อธิบดีกรมฝนหลวงให้เอาจริงเอาจังกับการทำฝนเทียมเป็นเรื่องแรก ส่วนเรื่องที่ 2 ประสานกรมทรัพยากรธรณีให้เจาะน้ำบาดาลในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ส่วนระยะยาวการบริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีระบบบริหารจัดการที่ดีทั้งน้ำท่วม-น้ำแล้งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเพราะมีการจัดสรรน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมกี่เปอร์เซ็นต์ รักษาระบบนิเวศน์อย่างชัดเจน ทำให้สภาพน้ำโดยรวมในเขื่อนลำตะคองขณะนี้มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ที่ 49% หรือประมาณ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค จึงเตรียมนำไปเป็นตัวอย่างในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อื่นๆ