คดีน้องหญิงตกรถเทรลเลอร์เสียชีวิต มีความหน้าไปอีกขั้น เมื่อ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม บิดาและครอบครัวของ น้องหญิง ได้เคลื่อนโลงศพน้องหญิงมาขอความเป็นธรรมต่อ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 กรณีผู้กำกับสภ.บางปะอิน กับนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินจำนวน300,000บาท แลกกับการจบคดีน้องหญิง พร้อมขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และนายสุบิน ยาวิราช คุณพ่อของนางสาวนรีกานต์ ยาวิราช หรือน้องหญิง ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา นำศพน้องหญิงที่บรรจุอยู่ในโลง ใส่รถตู้ เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค1เพื่อขอความเป็นธรรมกับ พลตำรวจโทสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค1ให้เร่งรัดคดีที่เกิดขึ้น โดยนายสุบิน บอกกับนักข่าวสั้นๆว่า เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้กำกับสภ.บางปะอิน กับพวก ยังคงเป็นคณะทำงานในคดีนี้อยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
พ่อน้องหญิงพร้อมอัจฉริยะ แห่ศพน้องหญิงมาที่ ตำรวจ ภูธร ภาค1 เพื่อร้องขอความเป็นธรรม
โพสต์โดย Bright TV เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม 2018
ขณะที่ นายอัจฉริยะ บอกว่า แม้จะมีคำสั่งย้ายผู้กำกับสภ.บางปะอินออกนอกพื้นที่แล้ว แต่กลับปรากฎภาพผู้กำกับนายนี้ไปร่วมสอบปากคำแพทย์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเข้าร่วมการประชุมชุดสืบสวนคดีนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจึงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะผู้กำกับสภ.บางปะอิน ยังมีข้อครหาเกี่ยวกับเรียกรับสินบนจากครอบครัวผู้ต้องหา เพื่อเปลี่ยนคดีอำพรางจากคดีฆาตกรรมให้เป็นคดีอุบัติเหตุ ซึ่งหากคณะทำงานยังเป็นชุดของตำรวจภูธร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ครอบครัวก็ไม่กล้าที่จะมอบพยานหลักฐานต่างๆให้ เพราะกลัวว่าจะถูกนำข้อมูลในสำนวนคดีโดยเฉพาะผลชันสูตรพลิกศพไปให้กับผู้ต้องหา เพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้คดี จึงอยากให้ผู้มีอำนาจมีคำสั่งให้ผู้กำกับ สภ.บางปะอินกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ขาดจากการทำคดีนี้และให้พนักงานสอบสวนกองปราบเป็นคณะทำงานหลักในคดีนี้แทน
นอกจากนี้นางสาวรุ้งเพื่อนของน้องหญิง ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้ ถูกข่มขู่ โดยเมื่อวันที่29-30กรกฎคม มีชาย2คน ขับรถจักรยานยนต์มาที่หน้าบ้านพร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้า ครอบครัวจึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
พลตำรวจโทสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็ยอมรับตำรวจตำรจในพื้นที่บกพร่องต่อหน้าที่ จากนี้ จะสั่งย้ายผู้กำกับ สภ.บางปะอิน และตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาปฎิบัติราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ภายในวันนี้ จากเดิมที่ให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมให้ทำหนังสือชี้แจงการเข้าประชุมตามภาพที่ปรากฎตามสื่อมวลชนด้วย ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนไม่ต่ำกว่า 15 วัน ส่วนผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ และ พยานหลักฐานอื่นๆ จะทราบผลภายใน 10-20 วันนี้ ส่วนคลิปเสียงการ เรียกรับเงิน 3 แสนบาทนั้น ชุดทำงานอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ด้านพลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้แสดงความห่วงใยต่อการทำคดีสะเทือนขวัญหลายคดี โดยกล่าวว่า เวลานี้ มีคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นหลายคดี ในหลายพื้นที่ และอยู่ในความสนใจของน้องประชาชน บางคดีใช้ตำรวจท้องที่ดำเนินการฝ่ายเดียว อาจจะเกินกำลังและศักยภาพ ส่วนกลางอย่างตำรวจ บช.ก.ถึงต้องลงไปช่วยคลี่คลายคดี สำหรับผู้ก่อเหตุ ถ้ากล้ากระทำความผิดก็ต้องกล้าที่จะรับโทษ จึงให้โอกาสอยากให้รีบติดต่อเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมาย
กดดูคลิป