สสส. เผยตั้งครรภ์วัยรุ่นลดลงแต่ยังสูงถึง 225 ราย/วัน ผนึก 5 กระทรวง ภาคีเดินหน้าลดวัยรุ่นท้อง ถอดบทเรียนต่างประเทศแก้ปัญหาวัยรุ่นท้องนำร่อง 20 จังหวัดได้ผลเล็งขยายผล ด้านแกนนำเยาวชนจี้ สปสช. ขอเข้าถึงถุงยางอนามัย/ยาคุมฉุกเฉิน
นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 2 เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดับชาติ สุขภาวะทางเพศ ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น: จากยุทธศาสตร์ สู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน” กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. 2560-2569 ภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 กำหนดเป้าหมายลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นให้เหลือต่ำกว่า 25 คนต่อพันคน ภายในปี 2569 โดยขับเคลื่อนผ่านยุทธศาสตร์ 5 ด้าน คือ 1. ส่งเสริมการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต 2. ส่งเสริมบทบาทของครอบครัวและชุมชนในการป้องกันปัญหา 3. จัดบริการอนามัยการเจริญพันธุ์รวมถึงการคุมกำเนิดที่วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่าย 4. การดูแลช่วยเหลือและจัดสวัสดิการสังคมสำหรับวัยรุ่นที่ประสบปัญหา และ 5. การจัดการความรู้และระบบข้อมูล ซึ่ง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายได้นำบทเรียนการแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่นจากต่างประเทศที่ได้ผลมาพัฒนาเป็น “9 ภารกิจ” เพื่อป้องกันปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ในระดับจังหวัด ดำเนินการนำร่อง 20 จังหวัด ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และนำไปสู่การพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์ชาติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่อไป
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า อัตราการป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี ในกลุ่มอายุ 15-24 ปี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากอัตรา 93 รายต่อประชากร 1 แสนคน เพิ่มเป็น 161 รายต่อประชากร 1 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นแม้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงถึงวันละ 225 ราย ซึ่ง สสส. ได้ร่วมกับมูลนิธิแพธทูเฮลท์ ได้สนับสนุนและทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พัฒนาระบบและเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษาในสถานศึกษาทุกระดับ รวมถึงกำลังพัฒนารูปแบบและเครื่องมือในการเสริมทักษะพ่อแม่ในสถานประกอบการ เพื่อให้มีทักษะการสื่อสารเชิงบวก และพูดคุยเรื่องเพศกับลูกหลานวัยรุ่นได้ นอกจากนี้ สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหลายภาคส่วน สื่อสารรณรงค์เพื่อปรับเปลี่ยนฐานคิดในสังคมไทยให้มีมุมมองเชิงบวกต่อเรื่องเพศ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้อย่างยั่งยืน
ในวันเดียวกัน แกนนำเยาวชนจากเครือข่ายการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จำนวน 300 คนจากทั่วประเทศ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเรียกร้องสิทธิในการเข้าถึงถุงยางอนามัย และยาคุมฉุกเฉิน เพื่อให้สอดคล้องกับวาระการประชุมระดับชาติ สุขภาวะทางเพศ ครั้งที่ 3
น.ส.พรพรรณ ทองทนงศักดิ์ ผู้จัดการการให้คำปรึกษาห้องแชท เลิฟแคร์สเตชั่นดอทคอม กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ของผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในหัวข้อการบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) ช่วงอายุกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่น 6-24 ปี รายการบริการลำดับที่ 18 ได้ระบุให้บริการอนามัยเจริญพันธุ์ และการป้องกันและควบคุม การตั้งครรภ์วัยรุ่น และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ว่า เด็กและเยาวชนจะได้บริการถุงยางอนามัย/ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน และคำแนะนำการใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์ แต่ในความเป็นจริงยังมีหน่วยบริการจำนวนมาก ไม่ได้มีบริการดังกล่าวให้ เมื่อสอบถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับคำชี้แจงมาว่า หน่วยบริการสามารถให้บริการได้ แต่ต้องทำเป็นโครงการพิเศษเพื่อขอรับการสนับสนุนเป็นรายกรณี เนื่องจากไม่มีสำรองสำหรับทุกคน จึงขอให้ทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติในการรับบริการถุงยางอนามัย/ ยาคุมฉุกเฉิน ให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้ารับบริการด้านสุขภาพของวัยรุ่น ยิ่งเราไม่อยากเห็นวัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พร้อม ไม่ควรสร้างความยุ่งยากในการปฏิบัติ ทำให้เยาวชนเสียโอกาส เพราะหลายคนมีความจำเป็นต้องใช้บริการถุงยางอนามัยและยาคุมฉุกเฉินให้สะดวกและทันเวลา
สำหรับการประชุมระดับชาติ สุขภาวะทางเพศ ครั้งที่ 3 จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ สสส. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ยูนิเซฟประเทศไทย มูลนิธิแพธทูเฮลท์(P2H) มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง รวมถึงหน่วยงานและภาคีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,700 คน