พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัด ลงพื้นที่ทำความสะอาดและทาสีใหม่ป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬฯ เพื่ออนุรักษ์โบราณสถาน พร้อมระบุว่า ในสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะมีการโยกย้ายคนในชุมชนอีกรอบ หลังขณะนี้เหลือเพียง 30 หลังเรือน ติดตามรายงานได้จาก คุณภัชศุ ฐิตะรภัส ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
วันนี้ (23 ส.ค.60) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำข้าราชการทำความสะอาด เก็บขยะมูลฝอย เศษวัสดุและทาสีป้อม ตลอดจนกำแพงชั่วคราว เพื่อรักษาโบราณสถานให้อยู่กับคนรุ่นหลังต่อไป โดยป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬ ถือเป็นป้อมรักษาพระนคร ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ทั้งนี้ ป้อมทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนป้อมมหากาฬฯ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้จัดระเบียบชุมชนให้เหมาะสมกับการอนุรักษณ์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ อาทิ เชิงประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ผังเมือง สังคมและวิถีชีวิต โดยขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จซึ่งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร บอกว่า ในส่วนครอบครัวที่เลือกจะย้ายออก ทาง กทม. ก็ดูแลให้ พร้อมอำนวยความสะดวก แต่ยังเป็นห่วงชาวบ้านในชุมชน โดยเฉพาะที่เล่าเรียนของบุตรหลาน ซึ่งอาจจะให้มีการย้ายออกอีกครั้งหนึ่งหลังสิ้นเดือนกันยายน
ขณะที่ในชุมชมป้อมพระกาฬล่าสุด เหลืออยู่ประมาณ 30 หลัง ตัวแทนชุมชนบอกว่า อยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด เป็นเวลา 53 ปีไม่อยากย้ายไปไหน โดยเตรียมที่จะเสนอ กทม. จัดทำบ้านอนุรักษ์ 18 หลัง เพื่อให้อยู่กับชุมชนนี้ต่อไป ด้านประธานชุมชนฯ ระบุว่า รู้สึกน้อยใจกรุงเทพมหานคร ที่ดูแลกับซากอิฐโบราณไม่มีชีวิต ในขณะคนที่มีชีวิตกลับถูกฝังอยู่ในซากแทน กลับไม่ดูแล
สำหรับแนวทางการพัฒนาป้อมปราการทั้ง 2 แห่งนี้ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการภายใต้คำแนะนำของกรมศิลปากร และพยายามดำเนินการทุกอย่างให้ดี และสมบูรณ์ที่สุด