อนาวิน หรือ อ้ำ มือยิงครูเจี๊ยบ-น้องหยอด บอกปัดไม่มีคนบงการ ทุกอย่างเป็นเพราะความแค้น พร้อมทำบุญถวายสังฆทานให้ครูเจี้ยบ
วันที่ 20 ธันวาคม 2566 ช่วงเวลา 15.10 น. โดยประมาณ ตำรวจสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล คุมตัวนายอนาวิน หรือ วิน หรือ อ้ำ มือปืนที่ก่อเหตุยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอดก่อนหน้านี้ พร้อมนายนายกฤติ หรือ ทิว ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวพร้อมกับตัวนายวิน ลงจากห้องสอบสวนเพื่อคุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ
นายวิน ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองราย พร้อมยอมรับว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับความแค้น ที่เพื่อนตนเองถูกยิงจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของ สน.บางกอกน้อย ด้วยบางส่วน แต่ไม่ได้มีการเตรียมการหรือสั่งการมาจากรุ่นพี่ ไม่ได้มีการเลือกเป้าหมายก่อนหน้าที่จะก่อเหตุ (วันที่ 10 พฤศจิกายน) ตามที่มีการนำเสนอก่อนหน้า และตนเองก็ไม่เคยรู้จักส่วนตัวกับน้องหยอดแต่อย่างใด
นายวิน ยังคงยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความแค้นต่างสถาบันเท่านั้น รวมถึงย้ำว่าไม่ได้มีการปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับการก่อเหตุความรุนแรงจากรุ่น การกระทำดังกล่าวไม่ใช่การรับน้องแต่อย่างใด
ขณะที่ตัวนายทิว ตลอดการเดินลงมาสู่ชั้นล่างของอาคารกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ไม่มีการตอบคำถามใดๆกับสื่อมวลชนที่พยามสอบถามว่าตัวนายทิว เข้าไปมีส่วนร่วมกับปฏิบัติการ ในครั้งนี้ในด้านใด หรือทำหน้าที่ใดกับกลุ่มองค์กรนี้
ทำบุญให้ครูเจี๊ยบ
ทั้งนี้ นายอนาวิน หรือวิน มือลั่นไก ยิงครูเจี๊ยบ-น้องหยอด ยัง ขอตำรวจ ให้นิมนต์พระ ม่ทำบุญ ให้ครูเจี๊ยบโดย จนท.ได้ให้ นายวิน ถวายสังฆทานเพื่อการทำบุญให้กับครูเจี้ยบ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนาวิน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าเป็นมือยิงในคดี โดยเริ่มออกล่าตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 66 เวลา 22.00 น. ไปขโมยแผ่นป้ายทะเบียนในละแวกเขตดินแดง จากนั้นได้เริ่มหาเหยื่อโดยไปหาเหยื่อละแวกร่มเกล้า แต่ไม่เจอ จึงไปจอดรถแอบกบดานละแวก คลอง 14 จากนั้นช่วงเช้าตรู่ เริ่มขับมาตระเวนหาเหยื่อในเมือง จนกระทั่งเจอกลุ่มนักศึกษาอุเทนถวาย จึงได้ลงลงมือก่อเหตุ นายอนาวินยอมรับด้วยว่า ตนเองยิงปืนนัดแรกกระสุนพลาดเป้าไปโดนคนด้านหลัง (ครูเจี๊ยบ) จากนั้นได้ยิงซ้ำที่คอและศีรษะน้องหยอด ก่อนหลบหนีไป จ.พระนครอยุธยา และพ่นเปลี่ยนสีรถ และไปทำลายรถ แล้วหลบหนีไป จ.อุบลราชธานี
