สาวโดน บ.จัดหางานต่างประเทศหลอก เสียเงินเหยียบแสน แต่ไม่ได้บิน

ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 50 คน ร้องกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)​ กองบังคับการปราบปราม ตรวจสอบบริษัทจัดหางานแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ลงโฆษณาบนเฟซบุ๊กรับสมัครคนงานเกษตร หรืองานโรงงาน ที่ประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ จำนวนมาก มีค่าใช้จ่ายคนละ 128,400 บาท แต่หลังจ่ายเงินกลับไม่มีงานจริง รวมความเสียกว่า 7 ล้านบาท

นางเอ (นามสมมุติ) ตัวแทนผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายกว่า 50 คนอยู่คนละจังหวัดได้มอบอำนาจให้ตนมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษพร้อมดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงเมษายน 2567 บริษัทดังกล่าวมีการแอบอ้างว่าเป็นบริษัทจัดหางานต่างประเทศที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการจัดหางาน และสามารถจัดส่งไปทำงานต่างประเทศได้ โดยเชิญชวนคนหางานให้ติดต่อผ่านช่องทางแชทข้อความของเฟซบุ๊ก และให้แอดไลน์เพื่อติดต่อพูดคุย หลังจากนั้นจะส่งเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับงานด้านการเกษตรกรรม ฟาร์มต่าง ๆ ในประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรีย สร้างความน่าเชื่อถือให้คนหางานเชื่อว่ากำลังพูดคุยกับบุคคลหรือลูกจ้างของบริษัทจัดหางานที่มีตัวตนอยู่จริง

• อ.อ๊อด จับโป๊ะ! วุฒิปลอม ‘ท่านประธาน’ จากฟลอริด้า สะกดผิดเพียบ
• สั่งย้าย! ผอ.หื่น รร. จ. ลพบุรี หลัง ลวนลามเด็ก นร. กว่า 30 คน จนผวาหนัก
• ทัวร์ลง! หนุ่มปราศรัยกลางเวที ลั่น ผช. ที่ข่มขืนก่อนละหมาดจะมองเห็นเทพ

เมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อจะให้ทำการโอนเงินเป็นค่ามัดจำหรือเป็นค่าดำเนินการด้านเอกสาร ประมาณ 128,000 ต่อ 1 คน พอถึงกำหนดที่จะเดินทาง กลับบ่ายเบี่ยงสุดท้ายไม่มีการส่งคนงานไปทำงานตามที่กล่าวอ้าง ปัจจุบันบริษัทฯ นี้ยังมีการประกาศรับสมัครคนงานอยู่

ขณะที่ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงาน เตือนภัย คนไทยที่กำลังหางานในต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจโอนเงินให้สายนายหน้าหรือผู้แทนบริษัทรายใด ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศจากกรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน doe.go.th/ipd เสียก่อน

ปัจจุบันมิจฉาชีพมีกลวิธีสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อหลอกลวงคนหางานหลายวิธี โดยเฉพาะปี พ.ศ.2567 มีการดำเนินคดีสายนายหน้าเถื่อนแล้ว 372 ราย หลอกลวงคนหางานทั้งสิ้น 509 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 35,091,630 บาท ซึ่งประเทศที่พบคนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานที่สุด ได้แก่เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตามลำดับ