“กัน จอมพลัง” รุดช่วยลูกจ้าง หลังถูกนายจ้างโหดทารุณ ใช้ไม้ไผ่ฟาด จับแก้ผ้า เอาน้ำแกงสาด ลูกจ้างไม่ทนแอบหนี สุดท้ายโดนยัดคดี
วันนี้ (26 ก.พ.) กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กันจอมพลัง ช่วยสู้ หลังได้รับการร้องเรียนจากหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกจ้าง แต่โดนนายจ้างทำร้ายอย่างทารุณ ใช้ไม้ไผ่ฟาดไม่ยั้ง เอาน้ำแกงสาด ชกหน้า จนเจ็บสาหัส
โดย กันจอมพลัง ระบุว่า ลูกจ้างหนีมาขอให้ผมช่วย ถูกเจ้านายใช้ไม้หวายและไม้ไผ่ฟาดแบบทารุณเป็นประจำ บางวันโดนสั่งให้ถอดเสื้อแล้วฟาด 98 ครั้ง ในคลิปน้องร้องโหยหวนน่าสงสารมาก บางวันเอาน้ำแกงสาดหน้าน้อง ชกหน้าและหัวน้องต่อเกือบ 30 ครั้ง อันนี้แค่ส่วนน้อยยังมีอีกสาระพัดวิธีทำน้อง

หลัง ๆ เริ่มหนักน้องจึงหาจังหว่ะหนีออกจากบ้านแต่ หลังจากหนีแค่ 4 วันน้องโดนหมายจับลักทรัพย์นายจ้าง โดยนายจ้างเอาคลิปที่เห็นน้องหยิบของแต่ไม่เห็นว่าหยิบอะไรไปแจ้งความ ผมถามน้องว่าคืออะไรน้องบอกหยิบบัตรประชาชน น้องเล่าว่านายจ้างเคยอ้างกับลูกน้องว่าสนิทกับตำรวจที่ สภ. บางกรวย
น้องกลัวจึงมาหาผมช่วยพามอบตัวผมประสานไปสภ. แต่ตำรวจไม่สนตามจับน้องแต่ไม่พบสิ่งของตามที่นายจ้างแจ้ง สมมุติถ้าน้องไม่ได้เอาไปน้องก็ต้องได้รับความเป็นธรรมว่ามีการยัดคดีหรือไม่ส่วนคนที่ทำน้องก็ต้องได้รับผลการกระทำไม่ใช่ความยุติธรรมจะเกิดแต่กับคนรวย ผมรับปากช่วย
ต่อมา น.ส.เอ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเข้าทำงานเป็นแม่บ้านให้กับนายจ้างตั้งแต่อายุ 17 ปี โดยตกลงค่าจ้างเดือนแรกที่ 6,000 บาท และจะเพิ่มเป็น 9,000 บาทเมื่อทำงานครบ 6 เดือน นายจ้างแจ้งว่าจะเก็บเงินค่าจ้างให้ทั้งหมด และจะจ่ายให้เป็นก้อนใหญ่เมื่อครบสัญญา แต่ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตนได้รับเงินค่าจ้างเพียงบางเดือนเท่านั้น ส่วนเงินส่วนที่เหลือนายจ้างอ้างว่า จะเก็บสะสมให้เป็นก้อนใหญ่ ซึ่งรวมแล้วมียอดสูงถึง 270,000 บาท แต่กลับไม่มีการจ่ายให้จริง
ระหว่างที่ทำงานให้กับนายจ้าง ตนถูกทำร้ายร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม 2567 นายจ้างใช้หวายฟาดศีรษะและร่างกายเป็นร้อยครั้ง บังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วลงโทษด้วยความรุนแรง และ บังคับให้ทำงานนอกเหนือจากหน้าที่ที่ตกลงกันไว้ เช่น ช่วยงานขายของออนไลน์ ทำหน้าที่แอดมินตอบลูกค้า และงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานแม่บ้านทำให้ถูกทุบตี และมีอีกเหตุการณ์ก็คือตนทำอาหารไม่พอดีกับคนในที่ทำงาน ก็ถูกราดน้ำแกงร้อนๆที่ตนทำกับข้าวใส่หน้าอีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำร้ายร่างกายตนเนื่องจากไม่พอใจที่ทำงานไม่ดี

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า นายจ้างข่มขู่ว่า รู้จักตำรวจ สภ.บางกรวย ทำให้เธอไม่กล้าแจ้งความ หรือขอความช่วยเหลือจากใคร อีกทั้งยัง ยึดโทรศัพท์มือถือของตน ไม่ให้ติดต่อกับครอบครัว หรือบุคคลภายนอก ทำให้ตนขาดการติดต่อกับญาติเป็นเวลานาน ส่วนเรื่องทองคำหนัก 1 บาท ให้ตนนำไปขาย โดยตนนำไปขายได้เงินประมาณ 30,000 บาท และส่งเงินคืนให้นายจ้างตามคำสั่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนตัดสินใจหลบหนีออกจากบ้านเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 นายจ้างกลับ แจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ ในวันเดียวกัน อ้างว่าทองคำในบ้านหายไป และใช้คลิปจากกล้องวงจรปิดในบ้านเป็นหลักฐาน แต่ตนยืนยันว่า กล้องไม่มีภาพที่แสดงว่าเธอขโมยทองคำ มีเพียงภาพที่ตนไปหยิบบัตรประชาชนของตัวเองจากในบ้าน หลังจากนายจ้างแจ้งความ ตำรวจได้ออกหมายจับเธอ ภายใน 4 วัน ซึ่งรวดเร็วกว่ากระบวนการปกติ ทำให้ตนเกิดความกังวลและต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากกัน จอมพลัง เพื่อให้ช่วยนำตนไปมอบตัวและต่อสู้คดี
กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียน ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านของนายจ้างพร้อมตำรวจ และพบว่า มีหลักฐานชัดเจนว่านายจ้างใช้หวายฟาดหญิงสาวอย่างหนัก อีกทั้งยังมี ภาพที่นายจ้างสาดน้ำแกงใส่หน้า และทุบตีศีรษะเธอหลายสิบครั้ง ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการทารุณกรรมที่เกิดขึ้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หญิงสาวถูกออกหมายจับและถูกควบคุมตัว นายจ้างที่เป็นผู้แจ้งความ กลับเดินทางไปขอประกันตัวออกมาเอง ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดนายจ้างจึงต้องการให้หญิงสาวได้รับการปล่อยตัวหลังจากเป็นผู้แจ้งจับเอง และเรื่องนี้มองว่าทางตำรวจทำงานอย่างรวดเร็วทั้งที่ตนและทนายความ มีการประสานขอมอบตัวหลังจากรู้ว่าตำรวจจะมีการออกหมายจับลูกจ้างแล้ว แต่ปรากฏว่าทางตำรวจได้นำหมายเค้าจับกลุ่มลูกจ้างทันที หลังจากออกหมายจับ ซึ่งประเด็นนี้ก็มองว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิดในการสื่อสารก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามส่วนของนายจ้างปรากฏว่ามีกาีออกหมายเรียกตามขั้นตอนก่อนที่จะออกหมายจับ ตนจึงมองว่าไม่เป็นธรรม จึงประสานไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคหนึ่ง ให้ช่วยดูและติดตามคดีดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 ก.พ.68 ตำรวจได้ออกหมายจับนายจ้าง และสามารถจับกุมตัวนายจ้างมาดำเนินคดี ก่อนจะประกันตัวออกไป
ตนอยากฝากคดีนี้เพราะทางลูกจ้างตอนนี้รู้สึกเกิดความไม่ปลอดภัยเนื่องจากทางนายจ้างได้รับประกันตัวออกไปเกรงจะได้รับอันตราย และมีพยานอีกหนึ่งราย คือลูกจ้างที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้
และอ้างว่าสนิทสนมกับตำรวจ โดยเคยบอกกับตนว่าเคยมอบของแบรนด์เนมให้ตำรวจบางกรวยอีกด้วย ตนมองว่าเกิดเหตุอันตรายใดๆกับลูกจ้าง รายนี้ทางผู้กำกับสถานีตำรวจบางกรวยต้องรับผิดชอบ

ส่วนเรื่องทองทางลูกจ้างบอกว่าทางนายจ้างได้ให้เอาทองไปขาย ซึ่งเรื่องนี้ก็สามารถตรวจสอบได้ ทั้งร้านทองแล้วก็หลักฐานการโอนเงิน ซึ่งเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้หากทำผิดก็ต้องยอมรับไป ต้องมองว่าเรื่องนี้จะมีการยัดคดีหรือไม่อย่างไรต้องรอให้ทางตำรวจเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด
ล่าสุดเมื่อวาที่ผ่านมา (25 ก.พ.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย พร้อมด้วยชุดสืบสวน ได้ทำการจับกุม นางชัญชิสา สายลิ่ม อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 333/2568 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำหรือไม่กระทำการโดยใช้กำลังประทุษร้าย ก่อนทางนางชัญชิสา ผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทนายทำเรื่องยื่นขอประกันตัวออกไปในวงเงินจำนวน 100,000 บาท
ปัจจุบันตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมถึงพฤติกรรมของนายจ้างรายนี้ รวมถึงตรวจสอบว่า มีข้าราชการตำรวจเกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือนายจ้างหรือไม่ โดยกัน จอมพลัง ระบุว่าคดีนี้ต้องมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ และจะติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยช่วง 13.00 น. พ.ต.อ.พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย จะแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีกับสื่อมวลชน