รัฐบาลย้ำ! ไม่มีนโยบายขึ้น VAT เป็น 15% ตามข่าวลือ เตรียมเดินหน้าปฏิรูปภาษี หวังลดภาระ ปชช. วอน หยุดปั่น
จากกรณีกระทรวงการคลัง ได้มีการสั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อสนับสนุนเรื่องการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ร่วมถึง VAT ที่จะเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 15%
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปชช. โอด ‘พิชัย’ จ่อเพิ่ม Vat 15% หวังลดความเลื่อมล้ำในไทย!?
ล่าสุดวันที่ 7 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำในรายการ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” ว่า รัฐบาลไม่ได้มีแผนการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 15% ตามข่าวที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ พร้อมระบุว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่มีการขึ้น VAT เป็น 15% โดยการปรับโครงสร้างภาษีต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกที่ใช้เวลากว่า 10 ปีในการปรับโครงสร้างดังกล่าว
นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายหลักของรัฐบาลมุ่งเน้นการลดภาระรายจ่ายของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ และสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ประชาชน โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ด้านนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ชี้แจงเพิ่มเติมผ่านโพสต์บน X ว่า ชี้แจงกรณีที่ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาระบุว่า รัฐบาลถอยเรื่องการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 15%
“รัฐบาลไม่ได้ถอยอะไร การศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าและเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศเพื่อสร้างระบบภาษีที่เข้มแข็ง ระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน ดึงดูดการลงทุน เพื่อให้พร้อมรับมือกับทั้งสถานการณ์ aging society, global warming และการแข่งขันในเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนมากขึ้นที่ท่านนายกฯ ทำคือการสื่อสารให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่มีความพยายามสร้างความเข้าใจผิดในสังคมครับ”
สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับภาษีความมั่งคั่ง (Wealth Tax) นายศึกษิษฏ์ชี้แจงว่า การพิจารณาเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา เนื่องจากในหลายประเทศที่เคยนำระบบภาษีนี้มาใช้กลับพบปัญหาหลายด้าน เช่น ผลกระทบต่อการสร้างธุรกิจใหม่ ลดแรงจูงใจในการลงทุนและเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งทำให้บางประเทศต้องปรับลดหรือเลิกใช้อัตราภาษีนี้ในที่สุด
รัฐบาลยืนยันว่าจะเดินหน้าด้วยความรอบคอบ รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และเน้นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อขับเคลื่อนประเทศอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน
