ปัจฉิมบท บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ บนสังเวียนต่อสู้เพื่อบ้าน ครอบครัว และจิตวิญญาณ

“เขาไม่ได้ทิ้งอะไรให้ดูต่างหน้า และไม่ได้ฝากของขวัญอะไรไว้ให้ลูกหรอกค่ะ ก็เขาคงไม่รู้ว่าวันนึงเค้าจะไม่อยู่กับเรา”

คำพูดของพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ ในวันครบรอบการหายไป 4 ปีของเขา

คนหายไปทั้งคน ทำไมถึงหาไม่เจอ

เรื่องราวการหายตัวไปของ “บิลลี่” เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางครอบครัวรักจงเจริญ และชาวบ้านบางกลอยติดตามและพยายามผลักดันให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเสมอมา จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนที่คาดว่าจะเป็น “บิลลี่” ถูกฆ่าอำพรางด้วยวิธีที่เกินกว่ามนุษย์จะทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้

บิลลี่ และครอบครัว

เหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่นาย “พอละจี” จะหายตัวไปเป็นเวลากว่า 5 ปี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 เขาได้ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในระหว่างนำน้ำผึ้งออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมตัวอ้างว่าได้ปล่อยตัว นาย “พอละจี” พร้อมรถจักรยานยนต์และน้ำผึ้งของกลางไปโดยไม่ได้ดำเนินคดีภายในวันนั้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตามภรรยาของนายพอละจี และญาติ เชื่อว่านายพอละจีไม่มีทางที่จะพลัดหลงกลับบ้านไม่ถูกแน่ เพราะเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางที่คุ้นเคยของบิลลี่เอง แต่คิดว่าน่าจะเกิดการลักพาตัว

สืบเนื่องจากก่อนหน้าที่บิลลี่จะหายตัวไป เขากำลังจัดทำข้อมูลต่าง ๆ ของชุมชนบางกลอย ทั้งแผนที่ทำมือจากความทรงจำของปู่คออี้ ประวัติแต่ละครอบครัว ตลอดจนการเขียนหนังสือถวายฎีกา

คดีการหายตัวไปอย่างปริศนาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จัดเป็นคดีพิเศษที่ต้องสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547

คำตอบที่แสนเจ็บปวด กับการรอคอยที่สิ้นสุดลง

จนกระทั่งวันที่ 26 เมษายน 2562 และเมื่อวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2562 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำ และนักประดาน้ำ ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน

ในที่เกิดเหตุพบชิ้นส่วนกระดูก จำนวน 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง เหล็กเส้น จำนวน 2 เส้น ถ่านไม้ จำนวน 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้นจึงได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์และได้ผลว่า

“วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส”

คำตอบสุดท้ายของการหายไปอย่างไร้ร่องรอย คือวัตถุที่ตรวจพบตรงกันกับสารพันธุกรรมของนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี่ รักจงเจริญ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28-30 สิงหาคม 2562 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังได้มีการตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจานเพิ่มเติม และพบเป็นชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ชิ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ

ถ้าวันนั้นไม่ลุกขึ้นสู้ ตอนจบอาจจะไม่เป็นแบบวันนี้

ย้อนกลับในปี พ.ศ. 2539 กรมป่าไม้(เดิม) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 29 และจังหวัดเพชรบุรี ได้อพยพชาวบ้านบางกลอยที่อาศัยอยู่กระจัดกระจายตามแนวชายแดนไทย-พม่า ให้ไปอาศัยอยู่รวมกันในพื้นที่ตรงข้ามบ้านโป่งลึก (หรือเรียกบ้านบางกลอยล่าง) รวมทั้งหมด 57 ครอบครัว จำนวน 391 คน

ต่อมาในช่วงระหว่างวันที่ 5-9 พฤษภาคม 2554 ได้มีการอพยพ/ผลักดันเพิ่มเติม

โดยผลปฏิบัติงานเป็นไปดังนี้

1. ตรวจยึด/จับกุมดำเนินคดีได้ 1 คดี จับกุมชาย 1 คนชื่อนายหน่อเอะ มีมิ

2.เผาทำลายเพิงพัก สิ่งปลูกสร้างทั้งสิ้น 98 หลัง

3.ถอนทำลายกัญชาที่ปลูกแซมในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่

การปฏิบัติงานครั้งนี้สืบเนื่องมาจากรายงานพบว่าการบุกรุกพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นการทำไร่เลื่อนลอยเพื่อเข้ามาปลูกข้าว พริก เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นบริเวณสะสมเสบียงสนับสนุนอาหารของกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ

“พวกเราชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงบ้านใจแผ่นดิน บ้านบางกลอยบน ได้อยู่อาศัยในพื้นที่นี้มานานแล้ว ตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย มาหลายๆรุ่น อยู่มานานหลายร้อยปี พวกเราดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการทำไร่ข้าวหมุนเวียนใช้ชีวิตแบบพอมีพอกิน ไม่เดือดร้อน ลำบาก ต่อมาถึงปี 2524 ทางการได้ประกาศให้ผืนป่าแก่งกระจาน รวมทั้งบ้านใจแป่นดิน บ้านบางกลอยบน เป็นเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยที่พวกเราไม่รู้เรื่องเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มาบอก พอถึงปี 2539 เจ้าหน้าที่ได้บังคับให้พวกเราลงมาอยู่ที่บ้านบางกลอยล่าง หมู่บ้านปัจจุบัน โดยจัดที่ทำกินให้ครอบครัวละ 7-8 ไร่ และบอกว่าจะช่วยเหลือเรื่องอาหารการกินเป็นเวลา 3 ปี แต่ก็มีชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งไม่ยอมลง ยังคงอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิม

ข้อความส่วนหนึ่งจากฎีกาที่นางมือนอ ภรรยานายบิลลี่และชาวบ้านได้ร่วมกันลงชื่อ และจะถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้พี่น้องได้กลับไปอยู่ในพื้นที่เดิม โดยเริ่มแรกฎีกาฉบับนี้นายบิลลี่ถือว่าเป็นตัวตั้งที่จะร่างขึ้นมา แต่เมื่อเขาหายไป ภรรยาและชาวบ้านจึงลงมือสานต่อ

ภรรยาของบิลลี่และลูก

เมื่อบ้านเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน การพลัดพรากจึงตามมา

ในการจัดพื้นที่ทำกินให้ชาวบ้านนั้น เจ้าหน้าที่ได้ไปเอาพื้นที่ทำกินบ้านโป่งลึกมาจัดสรรให้ ทำให้พื้นที่ทำกินแต่เดิมของชาวบ้านโป่งลึกไม่เพียงพอแต่ละครอบครัว ทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจ ไม่สบายใจแก่ชาวบ้านโป่งลึกเพราะจะไม่มีพื้นที่ให้กับลูกหลายตนเองในอนาคต และเจ้าหน้าที่ไม่จัดสรรที่ดินให้ครบทุกครอบครัว พื้นที่ทำกินที่เจ้าหน้าที่จัดให้นั้น บางแห่งก็ไม่เหมาะกับการทำไร่ข้าวเพราะมีหินมาก

ฎีกาที่นางมือนอ ภรรยานายบิลลี่และชาวบ้านได้ร่วมกันลงชื่อ

ปัญหาหลักๆที่ตามมา เช่น ปัญหาเรื่องการทำเกษตรที่ไม่สอดคล้องกับสภาพ พื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรนั้นอยู่ไกลจากแหล่งน้ำ ปัญหาความแออัดเรื่องที่อยู่อาศัย ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายครอบครัว พ่อแม่ต้องทิ้งลูกน้อยไว้กับคนชราที่บ้าน คนหนุ่มสาวต้องทิ้งงานไร่งานสวน ละทิ้งซึ่งวิถีชีวิตแบบเดิม ลงมาเป็นลูกจ้างชั่วคราวราคาถูกบนพื้นราบ

คนกับป่า โล่รางวัลกับการขับไล่

มีเอกสารหลักฐานทั้งพยานบุคคลและงานเขียนมากมายที่ระบุถึงหมู่บ้านบางกลอยและบ้านใจแผ่นดินว่าเป็นชุมชนเก่าแก่ที่อยู่ร่วมกันมานานนับร้อยๆปี

ชาวบ้านบางกลอย

ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ชาวบ้านทุกคนต่างก็อาศัยเคารพและดูแลผืนป่าอย่างดีเสมอ เพราะป่าผืนนี้คือ “บ้าน” ของพวกเขาถ้าเขาไม่ดูแลบ้านที่อยู่ แล้วจะมีที่อยู่สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่นขนาดนี้อย่างไร

“การประกาศเขตมรดกโลกไม่มีส่วนสำคัญใดๆ เลย เป็นเหมือนโล่รางวัลอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว การรักษาขึ้นอยู่กับความสามารถจัดการพื้นที่ระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน ซึ่งทุกชุมชนที่อาศัยอยู่ในป่าทุ่งใหญ่ฯ มีการละเมิดกฎกันน้อยมาก 1 ปีมีราว 2 คดีเท่านั้น”

นายวีรยา โอชะกุล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ (ด้านตะวันตก) เคยกล่าวไว้ในขณะที่ป่าทุ่งใหญ่ฯได้กลายเป็นต้นแบบมรดกโลก

ที่มาข้อมูล

สำนักข่าวชายขอบ

ไทยรัฐ ออนไลน์

ที่มารูปภาพ

สำนักข่าวชายขอบ

อ่านข่าว Bright Today

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

วีนา ปวีนา อันฟอลโล่ แอนโทเนีย ลั่น !! มาเอามง ไม่ได้มาหาเพื่อน

“วีนา ปวีนา ซิงห์” เคลียร์ดราม่าอันฟอลโล่เพื่อนนางงาม ยันไม่มีใครสั่ง ทำทุกอย่างเพื่อมงฯ แต่ไม่ผิดศีลธรรม ลั่น !! ไม่ได้สนิทกับ แอนโทเนีย […]

คู่นี้ยังไง ? กระปุก พัชรา อันฟอลโลว์ กระทิง ขุนณรงค์

รักร้าวหรือแค่พักใจ? ชาวเน็ตตาดี เห็น “กระปุก พัชรา” อันฟอลโลว์ “กระทิง ขุนณรงค์” – ฝ่ายชายยังฟอลอยู่เหมือนเดิม กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่แฟนๆ ให้ความ […]

วิ่งเผ่นจีวรบิน เจ้าอาวาสฉาวสวิงกิ้งด.ญ. หนีสื่อปัดสัมภาษณ์

เจ้าอาวาสฉาวสวิงกิ้งด.ญ. ย่องเงียบเจอตร.โดนข้อหาอนาจาร รีบวิ่งหนีสื่อจีวรปลิวรีบขึ้นรถไปไหนไม่รู้ ชาวบ้านสุดเอือม

จุกอก! ตาวัย 70 ปีขอแค่ที่หลบฝนหลบแดด ลูกๆทิ้งไม่เป็นไร

ลูก 3 คนพูดชัดเลี้ยงดูพ่อไม่ไหว ด้านพ่อวัย 70 ปี พูดคำเดียวจุกอกขอแค่ที่หลบฝนหลบแดด มีข้าวกินประทังชีวิตพอแล้ว

เปิดไทม์ไลน์ก่อนตาย รพ.ให้เลือดผิดกรุ๊ป ความจริงอีกมุมเป็นแบบนี้

เผยไทม์ไลน์ก่อนเสียชีวิต เคสเหยื่อก้อนปูนพระราม 2 ตกใส่รถตับฉีกเจ็บสาหัส รพ. แรกรับให้เลือดผิด สลับกรุ๊ป A กับ B ก่อนส่งต่ออีก รพ. แต่สุดยื้อ 

คลิปฉาวเจ้าอาวาสวัดดังซื้อบริการ สวิงกิ้งด.ญ. 13 – 17 ปี เหยื่อพูดแบบนี้

วงการผ้าเหลืองฉาวอีกแล้ว เจ้าอาวาสวัดดังซื้อบริการ สวิงกิ้งด.ญ. 13 ปี และ 17 ปี ข่มขู่หนัก ถุงยางอนามัยไม่ใส่ แถมมีคลิปส่งกลุ่มพระ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า