กนง. มีมติ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1.25 ให้มีผลทันที ซึ่งต่ำสุดรอบ 7ปีเสี่ยงคล้ายวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 51 โดยคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ
วานนี้(6 พ.ย.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% เป็น 1.25% โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.25% นั้นนับเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำที่สุดของเศรษฐกิจไทย โดยจะใช้ในช่วงของวิกฤติการเงินเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
สำหรับดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Policy Rate คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศกำหนดขึ้นเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้ดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นเครื่องมือหลักในการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ กนง. ได้ประเมินว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยนั้นมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เทียบจากการส่งออกที่ลดลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยนโยบายนี้เป็นแนวการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นและจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย
ทั้งนี้ กนง. ยังคงกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า จึงออก 4 มาตรการผ่อนปรนเกณฑ์เงินทุนไหลออก เพื่อลดแรงดันเงินบาทแข็งค่า ประกอบด้วย
- การอนุญาตให้ผู้ประกอบการไม่ต้องโอนรายได้จากการส่งออกกลับเข้าประเทศ
- การผ่อนปรนความเข้มงวดการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ
- การเปิดเสรีการโอนเงินออกนอกประเทศมากขึ้น
- การอนุญาตให้ซื้อขายทองคำในประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศ
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.25% นั้นนับว่าเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับวิกฤตการเงินโลกหรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2551 วิกฤติซับไพรม์ หรือ วิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ เริ่มต้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐอเมริกาแตก และการผิดชำระหนี้ของสินเชื่อซับไพรม์และสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัว
ส่งผลให้ความคล่องตัวของตลาดสินเชื่อทั่วโลกและระบบธนาคารลดลง การกู้ยืมและการให้กู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูง และระดับหนี้สินของบริษัทและบุคคลที่สูงเกิน
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ตลาดทุนประจำวันนี้(7 พ.ย.)ว่า การปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.ในครั้งนี้อาจเป็นการเพิ่มแรงกดดันหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ส่วนของเงินบาทอาจมีการเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง หลังอ่อนค่าตอบรับการปรับเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกของ ธปท.ไปแล้ววานนี้(6 พ.ย.) นอกจากนี้ความไม่แน่นอนของบทสรุปดีลการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯ-จีน น่าจะกลับมาหนุนสกุลเงินปลอดภัย ซึ่งรวมถึงเงินบาทด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูล สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ตลาดทุนประจำวันนี้