รัฐบาลบิ๊กตู่ |สังคมไทยมักมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์และคุณไสย จึงไม่แปลกที่มักจะโหรจากหลากหลายสำนักออกมาวิเคราะห์หรือทำนายดวงเมืองและดวงของนายกรัฐมนตรี
และในปีนี้ก็มีการทำนายเอาไว้ว่า การเมืองปีนี้อาจจะเกิดความขัดแย้งถึงขั้นต้องยุบสภา และดวงของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเข้าข่ายปีชง เนื่องจากเกิดปีมะเมียที่ชง 100 เปอร์เซ็นต์
จนพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาตำหนิโหรที่ออกมาทำนายไว้ว่า พูดแรงเกินไป และตนเองไม่กังวลปีชง เพราะไม่สามารถเปลี่ยนวันเกิดได้ แต่ใช้ความดีเข้าสู้
เมื่อลองมองดูสถานการณ์ทางการเมืองในปีนี้ พบว่าก็มีอยู่หลายเรื่องที่อาจจะให้การเมืองในปีนี้ค่อนข้างร้อนแรงดุเดือดกว่าปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในเดือนมกราคมนี้มีหลายเรื่องที่คอการเมืองต้องติดตาม ซึ่งวันนี้ขอรวบรวมปฏิทินการเมืองปีคร่าวๆมาให้พิจารณากันดูว่า การเมืองปีนี้ร้อนแรงจริงหรือไม่
เริ่มต้นในวันที่ 8-9 มกราคม จะมีการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2563 วาระ 2 วาระ 3
12 มกราคม มีการจัดกิจกรรม ‘วิ่งไล่ลุง’
14-16 มกราคม ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
21 มกราคม ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ คดีอิลลูมินาติ
จากปฏิทินการเมืองข้างต้น จะเห็นได้ว่าแค่เริ่มเดือนแรกของต้นปีก็มีสถานการณ์การเมืองที่น่าติดตามมากมาย แต่จะถึงขั้นยุบสภาตามที่กล่าวถึงหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ
ตัวแปลแรกเรื่องพ.ร.บ.งบประมาณ วาระ 2 วาระ 3 ที่คงไม่ถึงยุบสภาได้ เนื่องจากได้ผ่านการเห็นชอบจากสภาในวาระแรกแล้ว เพราะหากไม่ผ่านในวาระแรกรัฐบาลต้องลาออกและยุบสภา เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของรัฐบาล หากไม่ผ่านการเห็นชอบประเทศจะหยุดชะงัก ไม่สามารถเดินหน้าประเทศได้เลย รวมทั้งร่างงบประมาณปี 64 ที่จ่อคิวเข้ามาพร้อมๆ กันอีก
ตัวแปลต่อมาการจัดกิจกรรม ‘วิ่งไล่ลุง’ คงไม่สามารถทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายได้มากนัก และคงไม่เทียบเท่ากับการชุมนุมการเมืองในฮ่องกงที่ยึดเยื้อมาหลายปี เนื่องจากกฎหมายพ.ร.บ.การชุมนุมสาธาณะ ที่มีการบังคับใช้ แถมกิจกรรมนี้เป็นการวิ่งเช่นเดียวกับการจัดกิจกรรมวิ่งทั่วไปของภาคเอกชน แม้ว่าการจัดกิจกรรมวิ่งจะแอบแฝงการเมืองเล็กๆก็ตาม
แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตต่อว่า การกิจกรรมดังกล่าวเป็นการชุมนุมเพื่อสร้างความกดดันกับศาลรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่ ซึ่งสอดคล้องกับตัวแปรสำคัญอีกอย่าง คือ ในวันที่ 21 มกราคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ คดีอิลลูมินาติ
ส่วนผลจะออกในรูปแบบใดมีอยู่ 2 ทาง คือ ถูกยุบพรรค และไม่ถูกยุบพรรค แม้จะไม่ถูกยุบพรรค ก็ต้องเผชิญอีกคดี คือ คดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ปล่อยเงินกู้ 191 ล้านบาท ซึ่งบทสรุปก็แทบไม่ต่างกัน
ทั้งนี้ อีกตัวแปรสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องเผชิญ คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากในอดีตเป็นรัฐบาลรัฐประหาร นี่จึงเป็นครั้งแรกในรัฐบาลพลเรือนที่จะเผชิญ และพรรคฝ่ายค้านเองก็เตรียมข้อมูลเล่นงานรัฐมนตรี 5 คน แบบเอาถึงตายด้วยข้อมูลที่แน่นเสียยิ่งกว่าแน่น
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นท่ียึดเยื้อไปอีกนาน กับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องสัดส่วนตำแหน่งวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มาจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้ง 6 คน ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ออกมาระบุว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นนั้น ก็มีนักการเมืองออกมารับลูกเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก แต่ผิดกับนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา มองว่า หากมีการแก้ไขอาจจะลามไปถึงอำนาจหน้าที่อื่นของส.ว.ด้วย
แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้จะเป็นเรื่องที่สืบเนื่องไปอีกนาน เพราะขณะนี้เป็นเพียงแค่ตั้งกมธ.ชุดนี้ไว้ศึกษาเท่านั้น และยังไม่ได้เริ่มกระบวนการใดๆทั้งสิ้น จากนี้จะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างไม่กระพริบตาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาตราใดบ้าง หรือจะแก้ไขทั้งฉบับ
หมอดู จะคู่กับหมอเดา หรือไม่ จากนี้คงต้องติดตามกันต่อ แต่ที่แน่ปีหนูทอง อาจจะดูไม่ใช่แค่เรื่องหนูๆอีกต่อไป หากรัฐบาลชุดนี้ผ่านเรื่องร้อนแรงดุเดือดทางการเมืองนี้ไปได้ จะเป็นตัวชี้วัดเสถียรภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำและงูเห่าได้เลยทีเดียว