พี่บิ๊กของธุรกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีคงต้องมีการลุกขึ้นเต้นกันบ้าง เมื่อมีประกาศอย่างเป็นทางการจาก สหราชอาณาจักร ว่าต้องการจะเก็บ ภาษีดิจิทัล 2% จากรายได้ของการดำเนินธุรกิจดิจิทัล ซึ่งพุ่งเป้าไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Google และ Amazon ในขณะที่ธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) น่าจะยังได้รับการผ่อนปรน
รัฐบาลอังกฤษได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับภาษีใหม่ของ “บริการดิจิทัล” ที่จะต้องถูกเรียกเก็บ 2% ของรายได้ในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ซึ่งภาษีนี้จะหักออกจากรายได้ของบริการด้านดิจิทัลต่างๆ เช่น การโฆษณาออนไลน์ และบริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ต่างๆ โดยรัฐบาลเชื่อว่าภาษีดังกล่าวจะสามารถเพิ่มรายได้ให้ประเทศได้มากกว่า 400 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 17,000 ล้านบาท)
ภาษีดิจิทัลนี้ถูกนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณประเทศปี 2018 โดย ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดให้มีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายนปี 2020 และมุ่งเน้นไปที่บริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินงานอยู่ในประเทศอังกฤษ โดยบริษัทที่ทำกำไรจากรายได้ทั่วโลกอย่างน้อย 500 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 21,200 ล้านบาท) จะต้องจ่ายภาษีประเภทนี้ นั่นแสดงว่า Apple, Amazon, และ Facebook ถูกล็อกเป้าไว้แล้วว่าต้องจ่ายของภาษีประเภทนี้ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Startup มีแนวโน้มที่จะได้รับการยกเว้น
ทั้งนี้ การเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีประเภทนี้มีจุดมุ่งหมาย 2 ประการสำหรับสหราชอาณาจักร อย่างแรกคือเป็นทางออกของความพยายามในการสร้างรายได้ให้ประเทศในช่วง post-Brexit ที่สหราชอาณาจักรหมายใจว่าจะออกจากสหภาพยุโรปโดยจะไม่มีการใช้ระบบภาษีเดียวกัน และต้องการตามรอยประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่งกำลังมองหาวิธีในการจัดการภาษีเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
ประการที่สองคือจะทำให้สหราชอาณาจักรมีโครงสร้างภาษีของตัวเองในกรณีที่ความพยายามของนานาชาติในการพัฒนาโครงสร้างภาษีสำหรับบริษัทดิจิทัลล้มเหลว เนื่องจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กำลังมุ่งพยายามยับยั้งแผนหลีกเลี่ยงภาษีที่บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ดำเนินการเพื่อรักษาผลกำไรของตน แต่สหราชอาณาจักรติงว่ากระบวนการดังกล่าวช้าเกินไป และเป็นการรอคอยที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย
ไม่รู้ว่าผลการดำเนินการด้านภาษีครั้งนี้จะเวิร์คแค่ไหน และสหราชอาณาจักรจะสามารถเดินออกจากสหภาพยุโรปได้อย่างที่ตั้งใจหรือไม่ เราคงต้องรอติดตามกัน … เพราะไม่ว่ามหาอำนาจของโลกและยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีจะขยับตัวทำอะไร ก็น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมให้มดตัวจิ๊บจ้อยอย่างไทยบ้างไม่มากก็น้อย
ที่มา: www.engadget.com