“ธนาธร-อนาคตใหม่” มาวินพื้นที่ภาคใต้ ม.อ.โพล ส่วน “อภิสิทธิ์-ปชป.” ตามหลัง ขณะที่ “ลุงตู่” และพรรคเพื่อไทยรั้งอันดับ 3 อีก 41% ยังไม่รู้เลือกใครนั่งนายกฯ กว่าครึ่งระบุเลือกโดยพิจารณานโยบายพรรคเป็นหลัก 85% ฟันธงไม่เลือกพรรคเดิมที่เคยเลือก
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.) เผยผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลสำรวจประเด็น เลือกตั้ง “ภาคใต้ 62” มอ.โพล โดย ผศ.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการ ศูนย์บริการวิชาการ ผศ.ดร.คณน ไตรจันทร์ และ ดร.อิศรัฏฐ์ รินไธสง คณะทำงานโครงการสำรวจความคิดเห็นประเด็น เลือกตั้ง “ภาคใต้ 62” โดยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัดกระจายทุกพื้นที่ เพศ รายได้ ศาสนา และระดับการศึกษา จำนวน 1,431 กลุ่มตัวอย่าง จัดเก็บระหว่างวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2562 จากการสำรวจนโยบายหาเสียงที่มีผลต่อการลงคะแนนเสียงมากที่สุด พบว่ากลุ่มตัวอย่างในพื้นที่เกินกว่าครึ่ง มองว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจ/ปากท้อง เป็นนโยบายที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 71.60
จากการสำรวจพบข้อมูลที่สำคัญ คือ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองใดเลย คิดเป็นร้อยละ 66.00 กลุ่มตัวอย่างที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกพรรคใดนั้น พบว่า พรรคอนาคตใหม่ คิดเป็นร้อยละ 8.10 รองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ คิดเป็นร้อยละ 7.30 และ พรรคเพื่อไทย คิดเป็นร้อยละ 5.80 ตามลำดับ
ส่วนนายกรัฐมนตรี ที่คนใต้อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดในกลุ่มที่ตัดสินใจแล้วนั้น คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คิดเป็นร้อยละ 16.10 รองลงมาคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดเป็นร้อยละ 12.00 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดเป็นร้อยละ 10.30 ตามลำดับ แต่ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างอีกร้อยละ 41.00 ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี
จากการสำรวจประเด็นการเคยไปใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.มาก่อนแล้ว คิดเป็นร้อยละ 87.50 ส่วนที่ไม่เคยไป (ครั้งแรก) คิดเป็นร้อยละ 12.50
จากคำถามที่ว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2562 หรือไม่ กลุ่มตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 92.10 จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2562 มีเพียงร้อยละ 1.20 ที่จะไม่ไป และยังไม่ตัดสินใจ คิดเป็นร้อยละ 6.70
ประเด็นบุคคลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกลุ่มตัวอย่าง ว่าจะเลือกใคร/พรรคใดมากที่สุด พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตัดสินใจด้วยตัวเอง มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 89.60 รองลงมาคือ บุคคลในครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 8.20 ส่วนปัจจัยอื่นๆ มีอิทธิพลเพียงส่วนน้อยเท่านั้นต่อการตัดสินใจของท่านว่าจะเลือกใคร/พรรคใด อยู่ที่ร้อยละ 0.20-0.60
สำหรับเกณฑ์หรือปัจจัยที่มีผลในการตัดสินใจเลือก ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งนี้มากที่สุด พบว่า ส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 55.30 พิจารณานโยบายพรรค รองลงมาคือพิจารณาคุณสมบัติตัว ส.ส.คิดเป็นร้อยละ 33.70 และมีเพียงร้อยละ 1.70 ที่พิจารณาจากความผูกพันต่อตัว ส.ส.เดิม
จากคำถามที่ว่าจะเลือกพรรคการเมืองเดิมที่เคยเลือกหรือไม่ พบว่า ส่วนใหญ่จะไม่เลือกพรรคเดิม คิดเป็นร้อยละ 84.80 แต่กลุ่มตัวอย่างที่ตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองเดิม คิดเป็นร้อยละ 15.20