ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร พรรคเพื่อไทย อภิปรายโครงการ EEC จี้จุดเดือดนายกฯ สุดท้ายประท้วงวุ่น “บิ๊กตู่” เดินออกจากห้องประชุม
26 ก.ค. 2562 การประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระแถลงนโนบายรัฐบาลในวันที่ 2 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงนโยบายของรัฐบาล ระบุว่า
“นโยบายที่นำมาแถลงไม่มีการระบุตัวเลขแหล่งที่มาของรายได้เป็นรายลักษณ์อักษรตามรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ชี้แจงให้ชัด หากจะแถลงด้วยวาจาก็จะต้องมีเอกสารส่งมาให้รัฐสภาภายใน 3 วันนั้น ทั้งนี้ เห็นว่าตลอดการบริหารราชการของนายกรัฐมนตรี 4 ปีเศษ มีแต่ขาดดุล ต้องกู้เงินมา 2 ล้านล้านบาท หากนายกรัฐมนตรีมาดำรงตำแหน่งครบวาระอีก 4 ปีจะต้องกู้เงินถึง 5 ล้านล้านบาทหรือไม่ และที่บอกว่าประชาชนรวยขึ้น รวยด้วยการเป็นหนี้หรือไม่ จึงขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลกู้เงินมาโกงหรือไม่ ดังนั้น บอกว่ามีนโยบายปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในงวดราชการ ตนจึงไม่เชื่อ เพราะนายกรัฐมนตรียังเป็นคนเดิม ไม่ได้ปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง”
นอกจากนี้ นายยุทธพงศ์ อภิปรายถึงนโยบายการปราบปรามการทุจริต โดยเรียกร้องให้นายกฯ ตรวจสอบและจัดการกรณีที่มีความไม่โปร่งใสในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่นำงบประมาณที่ได้มาถึงร้อยละ 80 มาจัดซื้อจัดจ้างรถดับเพลิงในราคาแพงเกินจริง และยังไม่ได้ใช้การ และยังมีกรณีการประมูลงานในท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 (EEC) ที่กำลังจะมีการประมูล
ขณะที่ นายยุทธพงศ์ กำลังกล่าวถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบับ มีส.ส. ยกมือและลุกขึ้นประท้วง จากนั้น นายกฯ ลุกขึ้นจับไมค์กล่าวว่า “มีภารกิจเพื่อชาติจะต้องไปพบประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่เดินทางมาประเทศไทย ทำให้นายยุทธพงศ์ย้อนถามว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับท่านนายกฯ ท่านไปเกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือ”
นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่า “เกี่ยวดิ โครงการอีอีซีที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ จากนั้นประธานจึงปิดไมค์ของนายกรัฐมนตรีเนื่องจากไม่ได้ขออนุญาต ส่วนนายกฯเดินออกทางห้องประชุมทันที”
อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงศ์ ได้พูดเยาะเย้ยว่า “นายกฯ อย่าเพิ่งไป ทนฟังเรื่องปัญหาการทุจริตไม่ได้จึงหนีออกจากห้องประชุม นายกฯมีภารกิจอะไรที่มีความสำคัญกว่าการแถลงนโยบาย ยืนยันว่าไม่ได้มีการท้าทาย นายกฯควรต้องรับฟังการอภิปรายนเรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่รัฐบาลสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้ นายกฯต้องให้เกียรติสภาฯในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่หนีออกไปเช่นนี้”
จากนั้นนายยุทธพงศ์อภิปรายต่อ โดยพูดเหน็บแนมว่าขอให้จัดการกับพวกตัวประกอบ 10 บาทด้วย ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐลุกขึ้นประท้วงขอให้ถอนคำพูดดังกล่าว จนมีการประท้วงกันไปมา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.จึงลุกขึ้นมาประท้วงผู้ที่อภิปรายและบอกว่า “ผู้อภิปรายดูถูกเหยียดหยามสมาชิก หากผมจะพูดบ้างว่าผู้อภิปรายเป็น ส.ส.ขี้ข้าโจร” เมื่อถึงตรงนี้ ทำให้ ส.ส.ในห้องประชุมถึงกับโห่ นายพรเพชรจึงปิดไมค์ ขณะที่นายยุทธพงศ์ตอบกลับทันทีว่า “ขอให้ถอน ผมขี้ข้าโจรที่ไหน ผมมาจากการเลือกตั้ง ไม่เหมือนท่าน เลียรองเท้าทหารมา” ทำให้เสียงฮือหนักขึ้นจนประธานวินิจฉัยขอให้ขอให้ถอนทั้งสองคน ในที่สุดนายยุทธพงศ์ยอมถอนคำพูด แต่นายกิตติศักดิ์ยืนยันไม่ถอนและเดินออกจากห้องประชุมไป
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ลุกขึ้นขออภิปรายต่อ โดยย้อนเหตุการณ์การปะทะคารมกับนายกฯ แต่นายชวนประธานสภา ยืนยันไม่ให้อภิปรายต่อ โดยกล่าวว่าต้องขออภัยที่อาจจะทำให้ไม่พอใจในคำวินิจฉัย แต่จำเป็นให้สภาเดินไปได้ ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นตนคงต้องดำเนินการตามกฎหมาย” ขณะที่นายชวนกล่าวว่า “ก็เชิญครับ”