เจ้าหน้าที่ตำรวจชัยภูมิบุกค้นวัดร้างอีกรอบ พบบาตรน้ำมนต์จำนวน 2 ใบ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ เร่งเก็บส่งตรวจสอบ ส่วนพระสงฆ์ต้องสงสัย เตรียมขออนุมัติหมายจับ
2 เม.ย.61 ความคืบหน้าล่าสุดในการเร่งคลี่คลายคดีสาว18 กินน้ำมนต์จากพระสงฆ์ในวัดร้าง จนเกิดอาการช็อคและเสียชีวิต ล่าสุด พ.ต.อ.จาตุรนต์ ตระกูลปาน ผู้กำกับการตำรวจภูธรแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ สั่งการชุดสืบสวนลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหาหลักฐานภายในวัดร้าง เพื่อหาหลักฐานภายในวัดอย่างละเอียดอีกครั้งเพิ่มเติม โดยมีผู้นำชุมชน ชาวบ้านนำชุด จนท.ตร.ให้ใช้กุญแจเปิดประตูศาลาวัดที่เกิดเหตุเข้าไปตรวจสอบหาหลักฐานครั้งนี้เพิ่มเติมร่วมกันหลายฝ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย(ล่าพระเร่ร่อน ทักเด็กสาววัย 18 ถูกคุณไสย ให้ดื่มน้ำมนต์ กลับชักตาตั้งเสียชีวิต)
จนล่าสุดไปกับหลักฐานบาตรพระ 2 ใบ ที่ใช้น้ำมนต์ให้เด็กสาว 18 ปี ดื่มจนเสียชีวิตครั้งนี้เพิ่มเติมและ ซึ่งมีร่องรอยการทำน้ำมนต์มรณะครั้งนี้เพิ่มเติมในศาลาวัดร้างอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งกระติกน้ำมนต์ใบใหญ่ข้างในมีน้ำมนต์เกือบเต็มและพบน้ำมนต์ที่เตรียมกรองใส่ขวดพลาสติกเก็บไว้ในตู้เย็นอีกป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบรอบๆบริเวณศาลาวัดร้าง ยังไปพบโอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่เตรียมเก็บไว้ใช้ทำน้ำมนต์จำนวนมากตั้งอยู่ด้านหลังของศาลาเมื่อเปิดพบว่ามีน้ำอยู่เต็มทุกโอ่ง พบร่องรอยการประกอบอาหารแต่ไม่พบว่าไม่มีผู้อาศัยอยู่ในวัดและข้าวของเครื่องใช้ถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก
สอบถามด้านชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบๆวัดร้างดังกล่าว ชาวบ้านส่วนใหญ่เปิดเผยว่า วัดแห่งนี้จริงๆแล้วไม่ได้เป็นวัดร้าง เพียงแต่ไม่มีพระจำวัดอยู่เท่านั้นและไม่มีเจ้าอาวาส เนื่องจากเจ้าอาวาสเดิมและพระที่เคยอยู่ประพฤติตัวไม่ค่อยเหมาะสมจนชาวบ้านขาดศรัทธาไม่มีใครไปวัด เจ้าอาวาสและพระจึงพากันปล่อยวัดทิ้งร้างไป โดยปัจจุบันยังมีสามเณรลีโอ จำวัดอยู่เพียง 1 รูป แต่ในช่วงเกิดเหตุสามาเณรดังกล่าวได้เดินทางไปศึกษาธรรมะที่ต่างจังหวัดได้ประมาณกว่า 1 เดือนแล้ว
จนมีกลุ่มพระดุธงด์จากต่างถิ่นกลุ่มนี้เดินทางมา ขอพักอยู่ที่และเริ่มตั้งตัวเป็นวัดรับทำน้ำมนต์เสกน้ำมนต์ให้คนดื่มเพื่ออ้างช่วยร้างอาถรรพ์ให้กับคนที่ถูกคุณไสย์มนต์อะไรต่างๆเกิดขึ้นตามมา จนมาก่อเหตุทำน้ำมนต์ให้สาว 18 ปี ดื่มจนมีคนเสียชีวิตดังกล่าวครั้งนี้ขึ้น และก่อนที่วัดนี้จะร้างขาดพระและเจ้าอาวาสลงตั้งแต่เมื่อช่วงเมื่อต้นปี 60 ก็พระโล้นที่เป็นพระวัดดังกล่าวเอง ที่เคยถูกกลุ่มชาวบ้านหมู่ 10 ต.ท่ามะไฟหวานได้ขับไล่ให้ออกจากวัดหลังพบปฎิบัติตัวไม่เหมาะสมหลายๆอย่างจนชาวบ้านทนไม่ไหว
หลังจากนั้นทราบข่าวว่าพระโล้นได้ไปจำวัดอยู่ที่ จ.เลย จนกลับมาในพื้นที่อีกครั้งโดยมีพระอีกรูปเดินทางมาด้วยชื่อหลวงพ่อบุญ อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านท่าเว่อ ได้มาขออาศัยจำวัด เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ค่อยพากันศรัทธาไม่ได้สนใจพระทั้ง 2 รูปนี้เท่าไรนัก ตอนเช้าๆพระทั้ง 2 รูปนี้จะออกบิณฑบาตรชาวบ้านในหมู่บ้านก็ไม่ค่อยใส่บาตรจนพระต้องออกไปบิณฑบาตรนอกหมู่บ้านถึงจะได้อาหารกลับมาฉันโดยชาวบ้านให้เหตุผลว่า พระรักษาศีลไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะนับถือไปทำไม และในที่สุดก็มาก่อเหตุดังกล่าวขึ้นและหลบหนีไป ซึ่งล่าสุดมีพระร่วมก๊วนกันมีทั้งหมด 2 รูป และมีลูกศิษย์จากต่างถิ่นอีก 3 คนเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ต.วิญญู พื้นหินลาด หัวหน้าชุดสว.สอบสวน สภ.แก้งคร้อ ชุดคลี่คลายคดีนี้ฯ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพื้นที่ภายในวัดอย่างละเอียดจนท.ตร.พบหลักฐานเด็ดที่จะสามารถนำไปส่งตรวจพิสูจน์เป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้อีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นบาตรพระ 2 ใบ และถังน้ำมนต์ ซึ่งจะนำคราบน้ำมนต์ที่ได้ส่งไปตรวจตามขั้นตอนหาสารประกอบเพิ่มเติมที่ชัดเจนต่อไป ว่าในน้ำมนต์มีอะไรสารส่วนผสมอะไรอยู่บ้างและคาดว่าน่าจะได้ผลสรุปเร็วๆนี้
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมรวบรวมหลักฐานออกหมายจับพระสงฆ์ ผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 รูป
มีรายงานข่าวแจ้งว่า การทำน้ำมนต์ของพระกลุ่มนี้ มีการนำสิ่งสกปรก ลงไปเป็นส่วนผสมด้วย ทั้งขี้ตา และน้ำลาย อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หญิงสาว 18 ปี ดื่มเข้าไปแล้วเสียชีวิตได้