หมอธีระ เผยเหตุผลที่ประชาชนบางส่วนลังเล ไม่รับวัคซีน พร้อมแนะแนวทางเพื่อแก้ไข สร้างความเชื่อมั่นและเห็นประโยชน์ในการเข้ารับวัคซีน
ศ.นพ. ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องของการเปิดประเทศผ่านเหซบุ๊กเพจ Thira Woratanarat ระบุว่า
23 พฤศจิกายน 2564ทะลุ 258 ล้านคนไปแล้วเมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 426,726 คน ตายเพิ่ม 5,188 คน รวมแล้วติดไปรวม 258,333,961 คน เสียชีวิตรวม 5,173,716 คน5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมัน รัสเซีย และฮังการีจำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 97.53 ของทั้งโลก
ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 94.98ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นมากถึง 64.76% ของทั้งโลก พอๆ กับจำนวนเสียชีวิตเพิ่มที่คิดเป็น 65.43% เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
สำหรับสถานการณ์ไทยเราเมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 6,428 คน สูงเป็นอันดับ 14 ของโลกหากรวม ATK อีก 1,507 คน จะขยับเป็นอันดับ 12 ของโลกจำนวนติดเชื้อใหม่ไทยเป็นอันดับ 3 ของเอเชียรองจากตุรกีและเวียดนามตอนนี้ไทยมียอดรวมตามหลังอิรักเพียง 4,239 คน อิรักติดเชื้อใหม่เพียงวันละไม่กี่ร้อยคน ดังนั้นหากรวมจำนวนติดเชื้อใหม่วันนี้ ไทยจะแซงอิรัก ขึ้นเป็นอันดับ 23 ของโลกได้
เหตุผลที่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังลังเลเรื่องวัคซีนเรื่อง Vaccine hesitancy นั้นเป็นเหมือนกันทั่วโลกแต่หากเราสังเกตกันในประเทศจะพบว่า คนไทยเรานั้นน่ารักมาก เพราะส่วนใหญ่ล้วนตื่นตัวขวนขวาย ทำทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองและคนที่เรารักดังที่เห็นจากข่าวการไปเข้าคิวฉีดวัคซีนอย่างหนาแน่นในจุดฉีดวัคซีนอยู่เป็นประจำจะมีสักกี่ประเทศในโลกที่จะมีคนมากมายยินยอม ยินดี และสมัครใจ ทุบกระปุก ควักกระเป๋า เพื่อจองวัคซีนให้กับตัวเองและครอบครัว แถมหลายคนหลายครอบครัวเกรงจะไม่ได้ จึงยอมจองหลายที่ด้วยซ้ำไป
ทั้งๆ ที่ ตามหลักการแล้ว การป้องกันโรคนั้นเป็นบริการพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีประสิทธิภาพ ทั่วถึง ทันต่อเวลา ดังนั้นเมื่อเห็นปรากฏการณ์ที่ผ่านมา จึงสะท้อนให้เห็นว่า เหตุผลที่คนจะลังเล ไม่แน่ใจ หรือตัดสินใจไม่รับ คงหนีไม่พ้นว่าจะต้องมาจากเหตุผลข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อรวมกันปัญหาวิกฤติอื่นๆ
ทั่วโลกนั้นเคยได้รับการวิเคราะห์จากนักวิชาการ และชี้ให้เห็นว่าเกิดขึ้นจากการที่โลกตกอยู่สถานะที่เรียกว่า “VUCA world” ที่ย่อมาจาก Volatility, Uncertainty, Complexity, Ambiguityแปลง่ายๆ คือ ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือไม่ชัดเจนหากผนวกทั้งสองเรื่องที่เล่าให้ฟังแล้ว ถ้าประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เจอปัญหา hesitancy อยากชวนให้ทุกคนมารับวัคซีน สิ่งที่ควรทำคือ
1. ทบทวนนโยบายและมาตรการ จัดซื้อจัดหาและใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย โดยใช้ข้อมูลวิชาการมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของสากลโลก (ประสิทธิภาพ)
2. แจกจ่ายวัคซีนนั้นไปยังทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง เพียงพอต่อความต้องการของทุกคน และทันที (ทั่วถึงและทันเวลา)
3. ปรับระบบและกลไกต่างๆ ตั้งแต่ระดับนโยบาย และวิชาการ ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สาธารณชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดทุกอย่างอย่างชัดเจน โดยประยุกต์ต่อยอดจากที่เห็นในระบบของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น US FDA, US CDC, EMA, ECDC ก็จะช่วยทำให้ลดเรื่องความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือไปได้ไม่มากก็น้อย
แนวทางข้างต้นนั้นย่อมเป็นทั้งด้านวิชาการ และการสร้างความเชื่อมั่น ผ่านการทำให้เกิดกลไกนโยบาย วิชาการ และระบบบริการ ที่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องการจูงใจโดยใช้แนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม เช่น การสะกิดพฤติกรรม (Nudge) ก็สามารถนำมาใช้เสริมได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนนั้นสำคัญ ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิตได้ แต่ยังสามารถติดเชื้อได้ อาจป่วยและเสียชีวิตได้ด้วย และแพร่เชื้อให้คนรอบข้างได้
สิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้เลยคือ ต่อให้ฉีดวัคซีนแล้ว ก็จำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดใส่หน้ากากนะครับ และเว้นระยะห่างจากคนอื่น สองเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยรักและห่วงใย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอธีระ เผยข้อมูลวิจัย ภาวะ Long Covid อาการคงค้างหลังรักษา แม้หายแล้ว แต่ไวรัสอาจแฝงตัว
“หมอธีระ” ยืนยันข่าวลือ! ใส่หน้ากากอนามัย จะทำให้เป็นมะเร็งปอด จริงหรือมั่ว?