รับประทานอาหารมากกว่าปกติ สัญญาณเตือน! โรคกินไม่หยุด(BED) Binge Eating Disorder เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
โรคกินไม่หยุดคืออะไร?
โรคกินไม่หยุด Binge Eating Disorder (BED) คือ อาการรับประทานอาหารปริมาณมากผิดปกติโดยที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ผู้ที่มีอาการโรคกินไม่หยุดนี้ มักมีการรับประทานอาหารปริมาณมากกว่าปกติแม้ไม่รู้สึกหิว และไม่สามารถควบคุมการรับประทานของตนเองได้

สาเหตุของโรคกินไม่หยุด
สาเหตุของอาการโรคกินไม่หยุด ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด แต่คาดว่าอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยเป็นตัวกระตุ้น โดยโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนี้ เช่น
- โรคอ้วน โดยพบว่าผู้ที่มีอาการโรคกินไม่หยุด มักมีโรคอ้วนเป็นโรคประจำตัว
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ขาดความมั่นใจในรูปร่าง และมีความพึงพอใจในรูปร่างของตนเองต่ำ
- เสพติดการลดน้ำหนัก เครียดกับการลดน้ำหนัก หรือเคยล้มเหลวในการลดน้ำหนัก
- เคยผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจ
- มีประวัติคนในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องกับโรคการกินผิดปกติ
- มีภาวะทางจิต อาทิ โรคซึมเศร้า โรคเครียด โรคไบโพลาร์ โรคกลัว (Phobias) และภาวะป่วยทางจิตหลังเหตุการณ์รุนแรง (Post-traumatic Stress Disorder: PTSD)
อาการของโรคกินไม่หยุด
สังเกตผู้มีอาการเสี่ยง “โรคกินไม่หยุด (BED)” มักมีพฤติกรรมเหล่านี้
- รับประทานอาหารมากกว่าปกติ แม้ไม่หิว
- หยุดรับประทานไม่ได้แม้จะอิ่มแล้วก็ตาม
- รับประทานอาหารปริมาณมากๆ อย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่นาน
- อาจมีอาการข้างต่นตั้งแต่ 1-3 ครั้ง/สัปดาห์
- ผู้ป่วยมักรู้สึกผิด เศร้า โกรธ ละอายใจ รังเกียจ หรือโทษตนเองที่รับประทานมากเกินไป
ปัญหาสุขภาพที่อาจจะตามมา
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง
- ภาวะน้ำหนักเกิน และโรคอ้วน
- เบาหวานชนิดที่ 2
- ภาวะทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล
- ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
- ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อไทรอยด์
- อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไข่ไม่ตก จึงทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ใครที่สังเกตุได้ว่าคนรอบตัวเราหรือเราเอง มีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรที่จะรีบไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์และทำตามการรักษาที่ถูกวิธี ซึ่งโรคนี้ก็สามารถรักษาอาการได้ตามปกติ
แหล่งที่มา โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY