อุบัติเหตุที่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะโดนหรือตั้งใจทำให้เกิดขึ้น แต่ขั้นชื่อว่าอุบัติเหตุเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะเกิดกับใคร ซึ่งอุบัติเหตุการเกิดเพลิงไหม้นั้น มักจะเกิดอย่างรวดเร็ว จนบางคนอาจจะตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่ตั้งสติได้เร็วกว่าหรือว่ารู้วิธีการที่เราจะควรปฎิบัติอย่างรวดเร็วก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์และนำไปสู่ความปลอดภัยได้เร็วกว่า วันนี้ Bright TV เลยจะมาแชร์ วิธีการใช้ถังดับเพลิงอย่างถูกต้อง ทำยังไงบ้างมาดูเลย
ขั้นตอนการใช้งานถังดับเพลิง
- เข้าหาไฟในทิศทางที่อยู่เหนือลม โดยห่างจากฐานหรือต้นตอของไฟประมาณ 2-3 เมตร
- ดึงสลักนิรภัยบนหัวถังดับเพลิงออก
- ยกหัวฉีดชี้ไปที่ “ฐาน” ของไฟ โดยทำมือเป็นมุม 45 องศา (ไม่ฉีดที่ฐานไฟไม่ดับนะครับ)
- กดไกถังดับเพลิง เพื่อเปิดวาล์ว ให้น้ำยา หรือ ก๊าซ ที่อยู่ตัวถังพุ่งออกมา
- ดึง (ดึงสลักนิรภัยออก)
- ปลด (ปลดสายฉีด)
- กด (กดไก เพื่อให้น้ำยาดับเพลิงพุ่งออกมา)
- ส่าย (ส่ายหัวฉีดให้น้ำยาพ่นออกไปได้ทั่วๆฐานของไฟ)
- ส่ายหัวฉีดให้น้ำยาพ่นออกไปทั่วๆฐานของไฟ จนกว่าไฟจะดับ
ประเภทของถังดับเพลิง
- ชนิดผงเคมีแห้ง (Dry Chemical)
สามารถดับไฟได้เกือบทุกประเภท A B C ยกเว้น CLASS K ราคาถูก หาซื้อง่าย แต่มีข้อเสียคือเมื่อฉีดออกมาจะฟุ้งกระจาย และเมื่อเราทำการฉีดแล้วจะฉีดจนหมดหรือไม่หมดถังแรงดันจะตก ไม่สามารถใช้งานได้อีก ต้องส่งอัดบรรจุใหม่ทันที - ชนิดน้ำยาเหลวระเหย
สามารถดับไฟได้เกือบทุกประเภท A B C ยกเว้น CLASS K ราคาถูกกว่าฮาโรตรอน หาซื้อง่าย เมื่อฉีดใช้งานจะไม่ทิ้งคราบสกปรก ไม่ทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย และไม่ทำให้สกปรกในบริเวณที่ใช้งาน ถังสีเขียว เหมาะกับ พื้นที่ที่เน้นความสะอาด เช่นอาคาร สำนักงาน โรงพยาบาล ห้องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น - ชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
สารเคมีภายในบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซที่ฉีดออกมาจะเป็นไอเย็นจัด คล้ายน้ำแข็งแห้ง ลดความร้อนของไฟได้ ไม่ทิ้งคราบสกปรก สามารถดับไฟได้ประเภท B C เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องเครื่องจักร Line การผลิต อุตสาหกรรมอาหาร ถังสีแดง ปลายกระบอกฉีดจะใหญ่เป็นพิเศษ - ชนิดโฟม
สารเคมีภายในบรรจุโฟม เมื่อฉีดออกมาจะเป็นฟองโฟมคลุมผิวเชื้อเพลิงที่ลุกไหม้ จึงสามารถดับไฟได้ประเภท A B แต่ไม่สามารถนำไปดับไฟประเภท C ได้เพราะเป็นสื่อนำไฟฟ้า เหมาะสำหรับภาคอุตสาหกรรมดับเชื้อเพลิงประเภททินเนอร์ และสารระเหยติดไฟ ถังแสตนเลส - ชนิดสูตรเคมีน้ำ
เป็นสารทดแทนสารฮาล่อน 1211 ได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Non-CFC) ดับไฟClass A B C และ K ได้ ผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพในการดับเพลิง Fire Rating 10A20B สำหรับขนาด 10ปอนด์ และ 10A40B สำหรับขนาด 15ปอนด์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (TISTR) ไม่บดบังทัศนวิสัยขณะฉีดใช้งาน เนื่องจากไม่เป็นฝุ่นละออง ปลอดภัยสำหรับฉีดใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
วิธีการตรวจสอบถังดับเพลิง
- ดูที่เข็มในมาตรวัด (Pressure Gauge) ของถังดับเพลิง เครื่องดับเพลิงที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ เข็มจะชี้ที่ช่องสีเขียว (สังเกตตามรูป)แต่ถ้าเข็มเอียงมาทางซ้ายแสดงว่าแรงดันไม่มี ต้องรีบนำไปเติมแรงดันทันทีซึ่งควรตรวจสอบเป็นประจำทุกเดือน
- ตรวจ สายฉีด หัวฉีด อย่าให้มีผงอุดตัน เป็นประจำทุกเดือน
- ถ้าไฟไหม้ หรือกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ให้ส่งไปตรวจสอบและบรรจุใหม่
- สภาพบรรจุของถังดับเพลิงต้องไม่บุบ หรือบวม และไม่ขึ้นสนิม
- อายุการใช้งาน ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (ถังสีแดง) มีอายุประมาณ 5 ปี ชนิดฮาโลตรอนวัน (ถังสีเขียว) และชนิดก๊าซ CO2 มีอายุประมาณ 10 ปี
- ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (ถังสีแดง) หากมีการใช้งานแล้ว ต้องนำไปเติมสารเคมีใหม่ทุกครั้ง2.ตรวจ สายฉีด หัวฉีด อย่าให้มีผงอุดตัน เป็นประจำทุกเดือน
ข้อควรระวังในการดับไฟที่เกิดจากน้ำมันและไฟฟ้า
ในกรณีที่ไฟเกิดจากน้ำมันรั่ว ให้ฉีดจากปลายทางน้ำมันไปหาจุดที่น้ำมันรั่ว และ ถ้าในกรณีที่ไฟเกิดจากกระแสไฟฟ้า ให้ตัดกระแสไฟซะก่อน เพื่อกันไม่ให้ไฟลุกขึ้นได้อีก
แหล่งที่มา protecthai และ safesiri
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY