ในปัจจุบันนี้โรคที่มาจาก รังไข่ น่ากลัวและใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะโรคที่เกิดจากรังไข่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและยังไม่แต่งงาน ไม่จำกัดว่าอายุเท่าไร ยิ่งผู้หญิงวัยกำลังเจริญเติบโตนั้นมีโอกาสเสี่ยงเป็นได้มากที่สุด ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ผู้หญิงทุกคนควรตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอทุกปี เพราะสาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
ทุกปีจะมีหญิงสาวชาวอเมริกากว่า 2 ล้านคน ออกมาเปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทอง ซึ่งอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มีทั้งเหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน และสาเหตุอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ยังคงมีบางกลุ่มที่ไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง
สำหรับผู้ที่ตรวจเจอโรคที่เกิดจากรังไข่กว่า 6 แสนคน เลือกที่จะผ่าตัดเพียงเพราะอยากตัดรังไข่ออกเท่านั้น ในขณะที่บางคนต้องการผ่าตัดเพื่อต้องการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ และบางคนที่เลือกผ่าตัดเพราะมีอาการอย่างอื่นประกอบ เช่น ซีสต์ เป็นต้น แต่เมื่อคุณเข้ารับการผ่าตัดแล้วอาการที่ตามมาก็คือ “การเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน” เพราะรังไข่เป็นศูนย์กลางของระบบสืบพันธุ์ เมื่อทำการผ่าตัดแล้วจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ เท่ากับว่าอาการเหมือนกับการหมดประจำเดือนตามธรรมชาตินั่นเอง
จากการศึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัดรังไข่พบว่า สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ได้ประมาณ 80% ทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งมีอาการร้ายแรงได้อีกด้วย แต่ใช่ว่าการผ่าตัดนั้นจะสามารถตัดสินใจได้ทันที ยังมีสิ่งที่ควรคำนึงอีกดังต่อไปนี้
1.การผ่าตัดอาจมีความซับซ้อนน้อยกว่าที่คิด
สำหรับการผ่าตัดที่ใช้เวลาน้อยที่สุดก็คือ “การผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก” วิธีนี้สามารถช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของภาวะลิ่มเลือดลงหรือติดเชื้อได้ แผลของการผ่าตัดจะมีขนาดเล็กและใช้เวลาพักฟื้นน้อย แต่บางคนก็ไม่เหมาะกับวิธีนี้
2.ระดับฮอร์โมนจะลดลงและต้องหาวิธีแก้ไข
จริงอยู่ที่การผ่าตัดมีประโยชน์ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะการผ่าตัดนั้นส่งผลโดยตรงกับโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน และโรคภาวะสมองเสื่อม ซึ่งคาดว่าอาจมาจากที่ฮอร์โมนเพศหญิงลดลงอย่างมาก โดยผลวิจัยชี้ว่าผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปี ที่ผ่าตัดจะมีความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม 2 เท่า และเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 7 เท่า แต่มีคำแนะนำว่าผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัด ควรเริ่มใช้ยาฮอร์โมนตั้งแต่หลังการผ่าตัดหรือก่อนหน้า เพื่อเลี่ยงต่ออาการฮอร์โมนลดโดยเฉียบพลัน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น การรักษาด้วยยาฮอร์โมนยิ่งมีความเสี่ยงสูง
3.ถึงไม่มีมดลูก แต่ก็ยังมีรังไข่ได้
หากต้องการแค่ผ่าตัดมดลูกออกเพราะกังวลเรื่องเนื้องอก ก็สามารถผ่าตัดได้โดยไม่จำเป็นจะต้องผ่าตัดรังไข่ออก แถมยังเก็บรังไข่ไว้เพื่อประโยชน์ในการผลิตฮอร์โมนได้อีกด้วย โดยรังไข่นั้นจะยังทำหน้าที่ของมันต่อไป เพียงแต่ต้องตรวจสอบให้แน่ว่ายังมีการผลิตฮอร์โมนอยู่เสมอ
4.ไม่จำเป็นต้องตัดรังไข่ทิ้งทั้งสองข้าง
หากแค่ต้องการจะผ่าตัดรังไข่ออกเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง ขอแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องผ่าตัดให้ยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดก็คือการเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการดูแลตัวเอง
5.ท่อนำไข่ไม่จำเป็นกับร่างกายอีกต่อไป
ถ้ายังยืนยันที่จะผ่าตัดรังไข่ เตรียมบอกลาท่อนำไข่ในร่างกายได้เลย เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องเก็บไว้ เพราะเมื่อผ่าตัดก็เท่ากับว่าร่างกายไม่มีไข่ให้ส่งต่อไปยังรังไข่อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกว่า มะเร็งรังไข่ไม่ได้เกิดจากรังไข่เสมอไป มันสามารถเติบโตในท่อนำไข่ได้อีกด้วย ดังนั้นผู้หญิงที่ยังมีท่อนำไข่อยู่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่ ดังนั้นแพทย์ส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าการเอาท่อนำไข่ออก ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้เช่นกัน
ความจริงแล้ว รังไข่ ในร่างกายของผู้หญิงเราถือเป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญ หากเราดูแลรักษาอย่างดีก็จะช่วยให้จิตใจของเราดีตามไปด้วย แต่หากปล่อยปละละเลยก็อาจจะทำให้ร่างกายใจของคุณแย่ลงกว่าเดิม จากนั้นโรคภัยต่าง ๆ ก็จะถามหา ดังนั้นก่อนที่จะต้องเสียเงินและเสียเวลาไปกับโรคภัยเหล่านั้น เราควรหันมารักสุขภาพตัวเองมาก ๆ นะคะ
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ