“ชานมไข่มุก” เครื่องดื่มสุดฮิตของคนไทย มีขายตั้งแต่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จนกระทั่งริมสองฝั่งถนน เรียงยาวนับ 10 ร้าน เพราะมีหลายเมนูหลากรสชาติให้เลือกสรร นอกจากจะได้ดูดทั้งน้ำแล้วยังได้เคี้ยวเม็ดไข่มุกนุ่มๆ คนไทยบางคนนิยมดื่มวันละหลายแก้วต่อวัน จนลืมคำนึงถึงภัยร้าย ที่แฝงตัวมากับชาไข่มุก นั่นก็คือ “โรคอ้วน” และ “แก่เร็ว”
ส่วนผสมหลักของชานมไข่มุก ประกอบด้วย ชา ครีมเทียม น้ำตาลทราย นมข้นหวาน ไข่มุก จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ยิ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ก็ยิ่งอันตรายสำหรับคนที่ต้องการ “ลดน้ำหนัก” เพราะเมื่อเกิด ความเชื่อที่ผิดๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกดื่มชานมไข่มุกแทนการรับประทานอาหาร โดยแท้จริงแล้ว การรับประทาน “เกาเหลา” ทั้งชาม ยังอ้วนน้อยกว่าการกินชานมไข่มุก 1 แก้วด้วยซ้ำไป
ปริมาณแคลอรี่ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 200 กิโลแคลอรี่ ถึง 400 กิโลแคลอรี่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือปริมาณน้ำตาล ที่มีตั้งแต่ 8 ช้อนชาต่อแก้ว ไปจนถึง 11 ช้อนชาต่อแก้วซึ่งโดยทั่วไปแล้วในหนึ่งวันเราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาสำหรับผู้หญิง และ 9 ช้อนชาสำหรับผู้ชาย อีกทั้งไขมันอิ่มตัวจากนมที่ใส่รวมอยู่ก็มีปริมาณไม่น้อย บางสูตรใช้ “ครีมเทียม” ซึ่งมี “ไขมันทรานส์” ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันชนิดอื่น
อ่านเพิ่มเติ่ม >> “ไขมันทรานส์” อยู่ที่ไหน? ให้โทษอย่างไร? <<
การดื่มชานมไข่มุกจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “โรคหลอดเลือดหัวใจ” อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอีกด้วย ส่วน “เม็ดไข่มุก” ที่ผู้บริโภคหลายคนต่างเพลิดเพลินกับการเคี้ยว ด้วยความรู้สึกหนึบๆ หนับๆ ก็คือ “แป้ง” เพราะทำจาก “มันสำปะหลัง” นำมาต้มกับ “น้ำตาล” ให้ “แคลอรี่” แตกต่างกันไปแต่ละสูตร ตั้งแต่ 2-4 กิโลแคลอรี่ต่อเม็ด อีกทั้งยังไม่มีคุณค่าทางอาหาร ไม่ว่าวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระใดๆ เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก สสส.