เมื่อพูดถึง “อาการวัยทอง” หลายคนอาจยังมีความเข้าใจและความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวัยนี้อยู่ไม่ใช่น้อย บางคนอาจคิดว่าหากเข้าสู่วัยนี้แล้วร่างกายจะไม่สามารถกลับไปเป็นปกติได้เหมือนแต่ก่อน ซึ่งความจริงแล้วหากเราเรียนรู้และรู้จักวิธีรับมือกับมัน เราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อน สำหรับอาการวัยทอง คือช่วงเวลาของการเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่อีกหนึ่งครั้งของผู้หญิง จะเกิดขึ้นหลังประจำเดือนหมดเฉลี่ยอยู่ที่อายุ 45 -55 ปี (บางคนอาจจะเกิดก่อนหรือหลังทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ฮอร์โมน) โดยรังไข่จะหยุดทำงานและไม่มีการตกไข่อีกต่อไป ซึ่งหมายถึงจะไม่มีการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศหญิง) อีกต่อไป จึงเป็นที่มาของการเกิดเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจนั่นเอง
ซึ่งก่อนที่จะเข้าสู่วัยนี้จะมีสัญญาณหรืออาการเตือนบอก เช่น
- ประจำเดือนเริ่มมาน้อยลงและมาอย่างไม่สม่ำเสมอเหมือนแต่ก่อน จนค่อย ๆ หมดไป
- รู้สึกร้อนวูบวาบตามร่างกาย (โดยเฉพาะส่วนบน) เหงื่อออกมากขึ้นมากในตอนกลางคืน ใจสั่น และมีอาการเหนื่อยง่ายขึ้นกว่าเดิม
- เริ่มปวดเมื่อยตัวมากขึ้น รวมไปถึงปวดตามข้อและกระดูก ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการหกล้มเพราะกระดูกเปราะบางง่ายขึ้น
- เวลามีเพศสัมพันธ์จะรู้สึกเจ็บมากขึ้น เนื่องจากน้ำหล่อลื่นบริเวณช่องคลอดลดน้อยลง
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะรู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไม่มีสาเหตุ และเกิดอาการเครียดได้ง่ายขึ้น โกรธง่าย จนบางครั้งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
- เริ่มกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่
หากใครรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ว่าใครก็ต่างต้องเป็นด้วยกันทั้งนั้น และเริ่มหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากเน้นการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงอย่างเช่น นม, โยเกิร์ต, พืชตระกูลถั่ว, งาดำ และปลา เป็นการป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรูน และนอกจากนี้ต้องฝึกสมาธิควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มีความคิดไปในทางที่บวกมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญควรตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำเสมอปีละ 1 ครั้งเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง
สำหรับใครที่มีคนข้าง ๆ กำลังเข้าวัยทอง หรือตัวเองกำลังเข้าสู่วัยนี้ ไบรท์ออนไลน์อยากให้ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้มากนะคะ เพราะช่วงนี้ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงไม่แพ้วัยอื่น ๆ ค่ะ
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ