จากเหตุการณ์ไวรัสโควิด 19 แพร่ระบาด ทุกคนต้องขาดไม่ได้ที่จะพก หน้ากากอนามัย ใส่ไว้ติดตัวตลอด ไม่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย หรือเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ก็ต้องผ่านจุดคัดกรองกันทั้งนั้น
แต่ที่เป็นปัญหากวนใจของใครหลายๆคน คงจะหนีไม่พ้นเวลาเราใช้สมาร์ทโฟนในรูปแบบสแกนหน้า facial recognition technology เพราะต้องคอยถอดหน้ากากอนามัย (แมส) อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ ของสหรัฐฯ (National Institute of Standards and Technology) หรือ NIST จึงเล็งเห็นถึงประเด็นนี้ และ ได้ทำการทดลองเทคโนโลยีใหม่ ด้วยการใช้อัลกอริธึมจดจำใบหน้าทั้งหมด 89 ระบบ โดยใช้ทดลองกับภาพของบุคคล กว่า 6 ล้านรูป
ซึ่ง NIST ทดลองด้วยการใช้เทคนิคการตัดต่อ โดยการนำรูปภาพหน้ากากอนามัย ไปแปะลงบนภาพของบุคคลดังกล่าว ซึ่งผลที่ได้พบว่าหน้ากากสีดำ จะสร้างความผิดพลาดได้มากกว่าหน้ากากสีฟ้า และยิ่งหน้ากากปิดพื้นที่บริเวณจมูกมากเท่าไหร่ ระบบสแกนใบหน้าก็จะยิ่งติดขัดมากเท่านั้น ทั้งนี้ NIST ยังได้ระบุอีกว่า จะทำการศึกษาระบบจดจำใบหน้ากับภาพของคนที่สวมใส่หน้ากากจริงอีกครั้งในปลายปีนี้
เทคโนโลยีใหม่นี้ ได้ส่งผลให้เกิดความน่าสนใจไปยังบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงการใช้ระบบการจดจำใบหน้าของทางการ และหน่วยงานของรัฐตามพื้นที่ชายแดน หรือในสนามบินอีกด้วย
ซึ่งในตอนนี้ได้มีบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ กำลังคิดค้นการปรับแต่งระบบจดจำใบหน้าให้เข้ากับยุคสมัย โควิด 19 โดยมีการออกแบบระบบ facial recognition ให้สามารถอ่านได้แม่นยำขึ้น โดยเน้นการสแกนใบหน้าบริเวณพื้นที่รอบๆ ดวงตาเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก www.voathai.com
สหรัฐฯวิจัย สวมหน้ากากอนามัย ที่สาธารณะลดแพร่ โควิด19
ออสเตรเลียเอาจริง บังคับใส่หน้ากากอนามัย ฝ่าฝืนปรับกว่า 4,000 บาท
ฝรั่งเศส ออกมาตรการบังคับประชาชนใส่ หน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะทุกแห่ง