ปรับเกณฑ์รับนักเรียน แก้ “แป๊ะเจี๊ยะ” ได้จริงหรือ?

ถึงช่วงเทศกาลรับนักเรียน ปัญหาเรื่อง แป๊ะเจี๊ยะ เด็กเส้น เด็กฝาก เป็นประเด็นที่ถูกหยิบนำมาพูดถึงกันเป็นประจำ แม้หลายครั้งจะมีความพยายามหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ แต่ดูเหมือนก็ยังมีช่องโหว่ให้ยังสามารถกระทำได้

ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา มีการรายงานถึงมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ โดยสาระสำคัญของมาตรการดังกล่าวคือ ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ 7 ข้อ เพราะเงื่อนไขดังกล่าวกลายเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาทุจริตหรือเรียกเงิน “แป๊ะเจี๊ยะ” ขึ้นได้

เพิ่มเงื่อนไขพิเศษรับเด็กเข้าเรียน

เงื่อนไข 7 ข้อที่ให้ยกเลิกนั้น ประกาศใช้เมื่อปีการศึกษา 2554  ลงนามโดย นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีศึกษาธิการ ในขณะนั้น โดยประกาศหลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษไว้ ดังนี้ 1.นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย, 2.รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษตามข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน, 3.เด็กยากไร้ เด็กด้อยโอกาส หรือเด็กพิการ, 4.บุตรของผู้เสียสละเพื่อชาติ, 5.บุตรของข้าราชการครู หรือบุคลากรในโรงเรียนแต่ไม่ครอบคลุมถึงหลานและญาติ, 6.รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนา และ 7. รับนักเรียนของผู้ทำคุณประโยชน์ให้โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

แนวทางดังกล่าวทั้งนี้ สถานศึกษาต้องพิจารณารับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษให้เสร็จ และประกาศรายชื่อก่อนวันสอบคัดเลือก และยึดหลักการปฏิบัติ 3 ข้อ คือ 1. การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ ต้องไม่มีการรับฝาก เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทน 2.บุคคลหรือองค์กรที่เสนอชื่อเด็กนั้น จะต้องเกี่ยวพันโดยตรงกับเด็กและสามารถตรวจสอบได้ และ 3.ต้องไม่มีการแบ่งโควตานำไปรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ โดยเฉพาะการแบ่งโควตาระหว่างสมาคมศิษย์เก่า และโรงเรียน

เห็นช่องโหว่เด็กฝาก เด็กเส้น

เงื่อนไขดังกล่าวถูกใช้มาหลายปี กระทั่งการรับนักเรียนในปีการศึกษา 2559 ซึ่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการในขณะนั้น ได้กำชับไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วประเทศ ว่าต้องไม่มีการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ และยอมรับว่าเงื่อนไขพิเศษในการรับเด็ก 7 ข้อ คือช่องโหว่ในการเรียกรับผลประโยชน์  และเห็นว่าควรนำเงื่อนไขที่กำหนดไว้กลับมาทบทวนใหม่

ผนวกกับในเวลาต่อมา นายคมเทพ ประภายนต์ อดีตนายกสมาคมเครือข่ายผู้ปกครองแห่งชาติ และคณะกรรมการภาคีเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมทางการศึกษา ซึ่งเคยร่วมออกนโยบายเงื่อนไขพิเศษ 7 ข้อ เห็นว่าการคัดเลือกนักเรียนที่เข้าเงื่อนไขให้โรงเรียนตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมาเองนั้น เกิดการคัดเลือกที่ไม่โปร่งใส และไม่ได้รับการตรวจสอบชัดเจนว่า เด็กที่รับเข้ามามีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้จริงหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้โรงเรียนเปิดช่องรับเงินจากผู้ปกครอง ให้เด็กได้เข้าเรียน โดยระบุว่า การกำหนดเงื่อนไขทั้ง 7 ข้อ ต้องการให้เด็กนักเรียนที่เข้าเงื่อนไขได้รับโอกาสเข้าเรียน และคาดว่าโรงเรียนแต่ละแห่ง จะมีเด็กนักเรียนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขไม่เกินโรงเรียนละ 5 คน หรืออย่างมากที่สุดคือ 10 คน แต่กลับพบว่าโรงเรียนบางแห่งมีนักเรียนเข้าเงื่อนไขพิเศษถึง 60 คน ซึ่งเป็นช่องโหว่ของการกำหนดเงื่อนไขพิเศษการรับเด็กเข้าเรียน

ตัดเงื่อนไขพิเศษจาก 7 เหลือ 4

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้มีมติแก้ไขประกาศ สพฐ. เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2562 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2562 ที่ผ่านา โดยปรับปรุงเงื่อนไขเดิมที่กำหนดเกณฑ์การรับนักเรียนไว้ 7 ประเภท ให้ลดเหลือ 4 ประเภท ได้แก่ 1. นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน เนื่องจากเป็นข้อผูกพันเดิมของโรงเรียน 2. นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 3. นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติ หรือ ผู้ประสบภัยพิบัติ ที่ต้องการได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ 4. นักเรียนที่เป็นบุตรราชการครู และบุคลากรของโรงเรียน ส่วนที่เหลืออีก 3 ประเภทให้ตัดออก ได้แก่ 1. นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2. รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ 3. นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สำหรับหลักเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป นักการศึกษาชื่อดัง ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้มุมมองว่า รู้สึกผิดหวังกับประกาศที่ออกมา เพราะหากจะแก้ไขปัญหาแป๊ะเจี๊ยะจะต้องยกเลิกเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อ ทำให้เชื่อว่าปัญหาแป๊ะเจี๊ยะจะยังอยู่ในวังวนเดิม คงหมดหวังกับการปฏิรูปการศึกษา เพราะเพียงเรื่องปัญหาแป๊ะเจี๊ยะยังไม่สามารถแก้ไขได้ ปฏิรูปการศึกษาจะสำเร็จได้อย่างไร

“จุดอ่อนของปัญหาการรับนักเรียนอยู่ที่ผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนบางแห่งเรียกรับเงินจากการรับนักเรียนจริง ผมเสนอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย ขณะเดียวกัน สพฐ. ก็ต้องเร่งยกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลางให้มีคุณภาพเท่าเทียมกัน ยกเลิกค่าใช้จ่ายรายหัวที่กำหนดให้เท่ากันหมดทั้งประเทศ และควรกระจายอำนาจให้สถานศึกษาตัดสินใจกำหนดแนวทางการรับนักเรียนที่ชัดเจนและรับผิดชอบต่อการรับเด็ก ไม่ควรใช้เกณฑ์เดียวเหมือนกันทั้งประเทศ”

การปรับเกณฑ์รับนักเรียนครั้งนี้ จะแก้ปัญหา “แป๊ะเจี๊ยะ” ได้จริงหรือไม่ เพราะหากยังแก้ไขปัญหาไม่ตก การศึกษาไทยก็คงยังย่ำอยู่ที่เดิม

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ที่แท้! วงจรปิดจับภาพ ลูกน้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ปลดป้าย-ขนของออกจากสำนักงาน

นึกว่าใครทำ! ลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” เองที่ปลดป้าย พร้อมกับขนของ ออกจากสำนักงาน หลังถูกนายกรัฐมนตรี เซ็นออกจากราชการ พ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.

สิ่งที่ต้องรู้! หากนำ ‘แรงงานต่างด้าว’ เข้ามาทำงานในประเทศ

สิ่งที่ HR ควรรู้ก่อนนำ แรงงานต่างด้าว เข้ามาทำงานในประเทศไทย ต้องหายังไง และต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง จึงจะถูกกฎหมาย

ไม่ยอม! Source Music ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดในนาม LE SSERAFIM

ต้นสังกัด Source Music เตรียมดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดในนามของเกิร์ลกรุ๊ป LE SSERAFIM ที่ถูกข้อความเท็จโจมตีจาก “มินฮีจิน”

“ขนมจีน” ซิงเกิลใหม่ ‘ทำใจเก่ง’ ที่จะส่งความเห็นใจให้ มือที่สาม

“ขนมจีน” ส่งซิงเกิลใหม่ ‘ทำใจเก่ง’ ได้ “เติร์ด Tilly Birds” และ “bnz” โปรดิวซ์ส่งความเห็นใจ ‘มือที่สาม’ พร้อมได้ “มิว ศุภศิษฐ์” ร่วมแสดง MV

ทุ่มสุดตัว! “เจฟ ซาเตอร์” จัดเต็มโปรดักชันอลังการ ครบทุกมิติให้แฟนๆ เซอร์ไพร์สครั้งใหญ่

“เจฟ ซาเตอร์” ทุ่มสุดตัว!! จัดเต็มโปรดักชันอลังการ ครบทุกมิติ ขนเซอร์ไพร์ส!! โชว์จัดหนักเพื่อแฟนเพลงในคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

“RIIZE” เตรียมปล่อยเพลง มินิอัลบั้มชุดแรก ‘RIIZING’ ให้แฟนๆ ได้ฟังก่อนใคร!

RIIZE เตรียมปล่อยเพลงในมินิอัลบั้มชุดแรก ‘RIIZING’ ให้ได้ฟังกันก่อนใครในวันที่ 29 เมษยน 2024 นี้ พร้อมสไตล์ที่อันโดดเด่น
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า