แม่และญาติของนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ เข้าร้องทุกข์แจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดีรุ่นพี่ปี 3 สั่งธำรงวินัยและทำร้ายร่างกายลูกชายจนม้ามแตก
น.ส.ประสบสุข เชียงเชาว์ไว อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง พร้อมด้วย นางจันทิมา หงษ์ปรีชา พี่สาว เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้เอาผิดดำเนินคดีกับนักศึกษา 3 คนจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หลังทำร้ายร่างกาย นายปวริศ หรือ “เปา” รังสิต อายุ 19 ปี ลูกชายซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ม้ามแตก นอนพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า
ทั้งนี้ แม่และป้า เล่าว่า “น้องเปา” ถูกรุ่นพี่นักศึกษาคณะเดียวกันชั้นปีที่ 3 สั่งทำโทษในลักษณะการธำรงค์วินัยแบบทหาร และทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยจนมีอาการม้ามแตกต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียู รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุได้พยายามขอชื่อและนามสกุลผู้ก่อเหตุจากทางคณาจารย์ของทางสถาบันดังกล่าว เพื่อนำเป็นหลักฐานในการเข้าแจ้งความกับทางตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
น.ส.ประสบสุข กล่าวว่า โดยปกติตนเองก็ไม่ได้อาศัยกับ นายปวริศ บุตรชาย เนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกล ส่วนบุตรชายต้องไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านทุ่งมหาเมฆ จึงได้ให้บุตรชายอาศัยกินอยู่กับน้องสาวตนย่าน ถ.สมเด็จพระเจ้าตากสิน เพื่อความสะดวกต่อการเดินทางไปกลับระหว่างเรียนหนังสือ กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา น้องสาวโทรศัพท์มาบอกตนว่า นายปวริศ เข้าทำการผ่าตัดจากอาการม้ามแตกที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยด่วนตนรู้สึกตกใจมากจึงรีบเดินทางที่โรงพยาบาล จากการพยายามสอบถามเจ้าตัวและเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกัน ทีแรกทุกคนไม่มีใครกล้าบอก ต้องคาดคั้นความจริงอยู่นานกว่าจนยอมพูดอีกทั้งดูในข้อความไลน์โทรศัพท์ของลูกชายที่คุยกับเพื่อนๆ จึงรู้ความจริงว่าโดนรุ่นพี่ปี 3 คณะเดียวกัน จำนวน 2-3 คนสั่งทำโทษแบบธำรงค์วินัย และร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บโดยรุ่นพี่อ้างว่า นายปวริศทำให้รุ่นน้องปี 1 กระด้างกระเดื่องกับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุในกิจกรรมรับน้อง
จากการพูดคุยสอบถามเพื่อนรุ่นเดียวกันพบว่ารุ่นพี่กลุ่มนี้เคยลงโทษรุ่นน้องด้วยวิธีการรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บ และสมัยที่ลูกชายอยู่ปี 1 ก็ถูกลงโทษรุนแรงแต่ไม่สาหัสจนต้องเข้าโรงพยาบาล การแจ้งความร้องทุกข์ครั้งนี้อยากจะให้รุ่นพี่ที่ตอนนี้รู้ชื่อหมดทุกคนแล้ว ออกมาแสดงความรับผิดชอบและถูกดำเนินคดี เพระตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบเลยและไม่มีใครมาเยี่ยมน้องที่ รพ.แม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวอยากจะให้ยกเลิกระบบการรับน้องด้วยวิธีการรุนแรง อยากให้ทางมหาวิทยาลัยเข้มงวดกวดขันกิจกรรมดังกล่าวให้มากขึ้น และมีกระแสข่าวว่ารุ่นพี่จะเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจวันนี้