ความคืบหน้าเหตุระเบิดโจมตีสนามบิน ในกรุงคาบูลของ อัฟกานิสถาน ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ส.ค.2564) โดยเหตุระเบิดดังกล่าวเป็นเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ที่เกิดขึ้นถึง 3 ระลอก ซึ่งเหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่สหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลียเตือนพลเรือนว่ามีความเสี่ยงสูง ที่จะเกิดเหตุโจมตีรุนแรงภายในสนามบิน กรุงคาบูล ซึ่งเป็นจุดที่มีชาวอัฟกันและชาวต่างชาติกำลังเร่งอพยพออกจากประเทศ หลังกลุ่มตาลีบันเข้ายึดพื้นที่ และอำนาจในกรุงคาบูล ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดโจมตีดังกล่าวแล้ว 90 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวอัฟกัน และเป็นทหารสหรัฐฯ 13 นาย ส่วนผู้บาดเจ็บมีมากกว่า 100 คน ขณะที่ผู้คนบริเวณสนามบินต่างวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว และมีรายงานผู้บาดเจ็บ และเศษชิ้นส่วนของมนุษย์ตกอยู่ใกล้เคียงบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย ถือเป็นเหตุโจมตีครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่กองกำลังสหรัฐฯปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานในรอบกว่า 10 ปี
ขณะที่กลุ่มรัฐอิสลามโคราซัน หรือไอเอส-เคได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว โดยถือเป็นกลุ่มติดอาวุธในท้องถิ่นที่ปฏิบัติการอยู่ทั้งในอัฟกานิสถานและปากีสถาน และเข้าร่วมกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม หรือไอเอส ซึ่งกลุ่มดังกล่าวก่อตั้งเมื่อม.ค. 2015 เป็นกลุ่มนักรบสุดโต่ง และรุนแรงมากที่สุดในบรรดากลุ่มนักรบจิดฮัดในอัฟกานิสถาน โดยกลุ่มไอเอส-เคได้พุ่งเป้าโจมตีผู้คน ที่กำลังรอขึ้นเครื่องบินเดินทางออกนอกประเทศ หลังจากที่กลุ่มตาลีบันเข้ายึดครองประเทศ
ตาลีบัน ออกกฎเหล็กใหม่ ห้ามฟังดนตรี ผู้หญิงต้องมีผู้ติดตาม หากออกนอกบ้านคนเดียว
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯให้สัญญาว่าจะเร่งล่าตัวกลุ่มไอเอส-เค ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุมาลงโทษ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดนยังได้ยืนยันว่า จะเร่งอพยพพลเรือนสหรัฐ และอัฟกานิสถานให้เสร็จสิ้นภายใน 31 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นเส้นตายที่กลุ่มตาลีบันตั้งไว้ พร้อมกับจะถอนกำลังทหารออกไปทั้งหมด
ทั้งนี้ แม้ว่าจะเพิ่งเกิดเหตุระเบิดโจมตี แต่บรรดาประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนีต่างยังคงเดินหน้าอพยพพลเรือนของตนและชาวอัฟกันออกจากประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน
ตาลีบัน ไล่สหรัฐฯให้ออกจากอัฟกานิสถานภายในสิ้นส.ค.นี้ ขณะที่กองกำลังต่อต้าน ตาลีบัน ประกาศพร้อมสู้